พิจิตร - คนทำนาเช่า-ที่ดิน ส.ป.ก.-ที่ดินเครือญาติมีสิทธิ์เฮ หลังรัฐเปิดช่องเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ภายใต้สิทธิ์เป็นเจ้าของผลผลิต ขณที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินระวังเจอคุก หากอ้างสิทธิ์ในกรรมสิทธิ์แจ้งเข้าร่วมโครงการซ้อน หวังกินเงินส่วนต่างแทนคนทำนาจริง
นางอัจฉราภรณ์ บุญญรังสี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยภายหลังได้เข้าร่วมประชุมร่วม กมธ.ศก. ที่อาคารรัฐสภา กรณีที่ก่อนหน้านี้มีกลุ่มเกษตรกรเข้าร้องเรียนว่าเป็นชาวนาที่ทำนาในที่เช่าและในที่ดินของเครือญาติ แต่อยู่ในเขต ส.ป.ก. ได้ผลผลิตแล้วแต่กลับนำเข้าขอรับประโยชน์จากโครงการประกันรายได้ผลผลิตการเกษตรจากรัฐบาลไม่ได้ว่า ได้มีการถกถึงแนวทางการแก้ปัญหาการขึ้นทะเบียนเกษตรกรเพื่อรับเงินชดเชยประกันรายได้ของชาวนาพิจิตร ที่ถกเถียงกันว่าระหว่างชาวนาผู้ทำนาจริงกับเจ้าของที่ดินผู้ให้เช่าที่นา รวมถึงที่ดินในเขตพื้นที่ ส.ป.ก.แล้ว
ทั้งนี้ ได้ข้อสรุปว่าต่อไปนี้ให้ใช้หลักเกณฑ์ว่า ผู้มีสิทธิ์เข้าโครงการประกันรายได้ผลผลิตทางการเกษตรจะต้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในผลผลิตข้าว ซึ่งแปลว่าเป็นผู้ได้ลงทุนและลงแรงในการปลูกข้าวตลอดระยะเวลาของการปลูกข้าวนั้น
ดังนั้น ชาวนาจำนวน 788 รายที่มีปัญหาจึงให้ขึ้นทะเบียนได้ แต่ให้ใช้เป็นหลักเกณฑ์พิเศษและให้นายไพฑูรย์ รื่นสุข เกษตรจังหวัดพิจิตร พิจารณาเป็นรายๆ ไป รวมถึงให้เพิ่มความละเอียดรอบคอบและทุกแปลงที่ขอขึ้นทะเบียน ทั้งแบบปกติและแบบพิเศษต้องให้มีภาพถ่าย ทั้งตัวชาวนาและพื้นที่ทำนาจริงเป็นหลักฐานยืนยัน จากนั้นให้ใช้เวทีประชาคมหมู่บ้านทำการรับรองอีกชั้นหนึ่ง จึงจะถือว่าสำเร็จกระบวนการให้เป็นผู้มีสิทธิเข้าโครงการดังกล่าว
รองผู้ว่าฯ พิจิตร ยังได้ฝากเตือนเจ้าของที่นาที่เอานาให้เกษตรกรเช่า แต่ถือโฉนดเอาไว้โดยไม่ได้ทำนาจริง แต่แอบไปแจ้งซ้ำซ้อนเพื่อหวังเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้ ว่า ให้ระวังจะถูกดำเนินคดีทางอาญาในข้อหาแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จต่อทางราชการ ซึ่งมีโทษถึงจำคุกอีกด้วย