ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ประกอบการรถทัวร์บริการนักท่องเที่ยว 2 แห่ง และกลุ่มรถตู้และแท็กซี่ตำบลวิชิต ลงนามข้อตกลงในการบริหารจัดการนักท่องเที่ยว แบ่งผู้โดยสารฝ่ายละ 50-50 ป้องกันความขัดแย้ง จนนำไปสู่การปิดท่าเรือน้ำลึก ขณะที่อีก 30 แห่ง ยังไม่ร่วม เจ้าท่าฯเตรียมร่อนหนังสือบันทึกข้อตกลงให้ร่วมลงนาม
วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายวีรวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง ว่าด้วยการจัดการให้บริการนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามากับเรือโดยสารที่บริเวณท่าเทียบเรือน้ำลึก ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ระหว่างผู้แทนบริษัทรถทัวร์บริการนักท่องเที่ยว ที่รับผู้โดยสารจากท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต ต.วิชิต และผู้แทนรถตู้และแท็กซี่นำเที่ยวในตำบลวิชิต โดยมี นายภูริภัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต โดยมีตัวแทนบริษัทนำเที่ยว และตัวแทนผู้ประกอบการรถแท็กซี่ และรถตู้โดยสารชุมชนวิชิต ร่วม
โดยการลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้มีผู้แทนบริษัททัวร์ร่วมลงนามจำนวน 2 บริษัทคือ บริษัท ซีทัวร์ และบริษัท ลีเกล อินเทอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยหลังจากนี้ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 จะได้ส่งหนังสือบันทึกข้อตกลงไปยังผู้ประกอบการทัวร์ ที่ให้บริการที่ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต ซึ่งมีประมาณ 30 แห่งที่ยังไม่ได้มาร่วมในวันนี้
สำหรับขอบเขตบันทึกข้อตกลงดังกล่าว กำหนดให้บริษัททัวร์ กับรถตู้รถแท็กซี่ในชุมชนวิชิต แบ่งผู้โดยสารที่มาเทียบท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตในแต่ละเที่ยวฝ่ายละ 50% ยกเว้นเรือที่ซื้อแพกเกจทัวร์ ต้องให้ผู้โดยสารแก่บริษัททัวร์เท่านั้น บริษัททัวร์จะต้องเรียกใช้บริการรถตู้ แท็กซี่ของชุมชนวิชิตก่อนเป็นอันดับแรกในการให้บริการนักท่องเที่ยวกรณี และต้องปรับปรุงสภาพรถให้ได้มาตรฐานและปฏิบัติตามกฎหมาย ผู้ร่วมทำบันทึกข้อตกลงจะต้องไม่กระทำการในลักษณะที่เป็นข้อต่อรอง
เช่น ปิดท่าเรือ หรือการต้อนนักท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ ว่าด้วยความปลอดภัยของเรือระหว่างประเทศโดยเคร่งครัด กำหนดไม่ให้มีรถบัสรับส่งฟรีแก่นักท่องเที่ยวและลูกเรือในทุกกรณี ให้ทั้ง 2 ฝ่ายกำหนดขั้นตอนรายละเอียดการทำงานร่วมกันภายใต้ขอบเขตของบันทึกข้อตกลง ซึ่งได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ลงนาม หากจะยกเลิกต้องแจ้งล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษร
ขณะที่ผู้แทนบริษัททัวร์ ที่ไม่ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ กล่าวว่า ตัวแทนที่มาในครั้งนี้ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ เนื่องจากเป็นสำนักงานสาขา และจะต้องให้ฝ่ายกฎหมายที่สำนักงานใหญ่ในส่วนกลางดูในข้อตกลงก่อนจึงจะสามารถลงนามได้