xs
xsm
sm
md
lg

ชาวแหลมฉบัง-บางละมุงขู่ปิดท่าเรือและน่านน้ำหากท่าเรือฯ ยังยืนยันขยายเฟส 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายรังสรรค์ สมบูรณ์ ชาวประมงแหลมฉบัง
ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านแหลมฉบัง บางละมุง ประกาศปิดท่าเรือแหลมฉบัง หากยังดึงดันที่จะขยายท่าเรือเฟส 3 พร้อมเตรียมฟ้องศาลปกครอง คุ้มครองพื้นที่ทำกิน เผยท่าเรือแหลมฉบังจัดประชุมรับฟังความคิดเห็น 4 ครั้งข้อมูลไม่เปลี่ยนแปลง

วันนี้ (10 พ.ค.) ที่การท่าเรือแหลมฉบัง ได้มีการประชุมคณะกรรมการกำกับการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม ของโครงการท่าเทียบเรือในพื้นที่แหลมฉบัง หลังจากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการท่าเทียบเรือในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันแก้ไข ติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อม และตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมของโครงการท่าเทียบเรือแหลมฉบัง ตามรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยได้เชิญตัวแทนชาวบ้านเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อพิจารณาเรื่องการร้องเรียนของนายรังสรรค์ สมบูรณ์ และกลุ่มชาวประมง และชุมชนตำบลบางละมุง จังหวัดชลบุรี เกี่ยวกับโครงการพัฒนาท่าเรือขั้นที่ 3 โดยมีนายเฉลิมเกียรติ สลักคำ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบังเป็นประธาน

นายรังสรรค์ สมบูรณ์ ชาวประมงชายฝั่ง แหลมฉบัง กล่าวว่า เมื่อประมาณปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา กลุ่มประมงเรือเล็ก และประมงชายฝั่ง ในพื้นที่แหลมฉบัง และบางละมุง ได้ทำหนังสือถึงประธานคณะอนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เกี่ยวกับการที่ท่าเรือแหลมฉบังจะทำการพัฒนาท่าเรือขั้นที่ 3 โดยการถมทะเลออกไป 1,600 ไร่ ความยาวตั้งฉากกับชายฝั่งทะเล 4,500 เมตร ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ประมงเรือเล็ก และประมงชายฝั่งจะได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรง และไม่สามารถประกอบอาชีพได้อีกเลย

โดยที่ผ่านมาจากการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังในขั้นที่ 1 และ 2 นั้นได้สร้างความเดือนร้อนให้ประชาชนมาแล้วแทบจะหมดตัวกันทุกครัวเรือน รวมทั้งปัญหาเก่า ทางการท่าเรือก็ยังไม่สามารถดำเนินการแกไข้ได้ แต่กลับจะมาพัฒนาในขั้นที่ 3 ต่อไปอีก พวกเราชาวบ้านในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการขยายท่าเรือดังกล่าว จะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว โดยจะมีการคัดค้านโครงการดังกล่าวให้ถึงที่สุด

สำหรับแนวทางการต่อสู้ของพวกเราที่จะดำเนินการหลังจากนี้คือ 1.ยื่นฟ้องศาลปกครอง ให้คุ้มครองพื้นที่ทำกินของกลุ่มประมงเรือเล็ก และประมงชายฝั่งในบริเวณที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง

2.ทำหนังสือถึงคณะอนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมให้ลงมาตรวจสอบการดำเนินการท่าเรือแหลมฉบัง และ 3.รวบรวมรายชื่อ ชาวประมงที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งหมดถวายฎีกา ถึงความเดือนร้อนของประชาชน เนื่องจากที่ผ่านมาในสมัยที่นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการถวายฎีกาไปแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จโดยอ้างว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นที่รกร้าง และไม่มีประชาชนอาศัยอยู่เพื่อจะทำการเวนคืนที่ดินและพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังในขั้นที่ 3 แต่ในความเป็นจริงแล้วพื้นที่ดังกล่าวมีประชาชนและประกอบอาชีพทำประมงกว่า 300 ลำ

นายรังสรรค์กล่าวต่อว่า หากการท่าเรือฯยังพยายามที่จะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวต่อไปอีก พวกเราก็พร้อมที่จะรวมตัวกันแล้วทำการปิดทางเข้า-ออกท่าเรือแหลมฉบัง และจะปิดที่ทำการท่าเรือแหลมฉบัง รวมทั้งปิดร่องน้ำการเข้า-ออกบริเวณท่าเทียบเรือแหลมฉบังด้วย โดยจะทำการต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพราะหากพวกเรายอมให้การท่าเรือแหลมฉบังอีก ก็เท่ากับพวกเราสละแผ่นดินและที่ทำมาหากินไป เพราะในขณะนี้พื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ผืนสุดท้ายแล้ว หากการท่าเรือนำไปพัฒนาพวกเราก็ไม่มีทางไปแล้ว ส่วนในวันนี้ที่มีการเรียกชาวบ้านมาประชุมซึ่งเป็นครั้งที่ 4 แล้ว แต่ก็เป็นการพูดแต่เรื่องเดิมๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น