ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ภูเก็ตได้ข้อสรุปแก้ปัญหาผู้ประกอบการรถแท็กซี่ปิดทางเข้า-ออกท่าเทียบเรือน้ำลึก หลังหารือร่วมตกลงร่างเอ็มโอยู แบ่งนักท่องเที่ยวเดินทาง โดยทางเรือ 50-50 ขณะที่ตัวแทนบริษัทเรือระบุการปิดท่าเรือส่งผลนักท่องเที่ยวขาดความมั่นใจหากจังหวัดแก้ไขปัญหาได้เชื่อส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวแน่นอน
วันนี้ (4 พ.ค.) นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมพิจารณาแก้ไขปัญหากรณีการชุมนุมปิดถนนทางเข้าออกท่าเรือน้ำลึก บริเวณอ่าวมะขาม ตำบลวิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมี นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ หัวหน้าเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ตำรวจ ตัวแทนจากสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ตัวแทนบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่รับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับเรือ และตัวแทนจากบริษัทเดินเรือสำราญ เข้าร่วมประชุม เพื่อกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
จากการประชุมได้ข้อสรุปว่า ในการแก้ไขปัญหาการชุมนุมปิดทางเข้าออกท่าเทียบเรือน้ำลึกนั้นจะแบ่งนักท่องเที่ยวระหว่างบริษัททัวร์และผู้ประกอบการรถแท็กซี่ในพื้นที่ โดยจะมีการทำเอ็มโอยูร่วมกันซึ่งจะแบ่งนักท่องเที่ยวแบบ 50-50 เพื่อให้ทุกคนสามารถอยู่ได้ สำหรับร่างเอ็มโอยูที่จะลงนามร่วมกันนั้นทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ตจะเป็นผู้กำหนดและร่างให้เสร็จภายในเดือนนี้เพื่อให้สามารถลงนามความร่วมมือกันได้โดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาปิดทางเข้าออกท่าเทียบเรือน้ำลึกเกิดขึ้นอีก
นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ หัวหน้าเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวว่า กรอบเอ็มโอยูที่จะทำร่วมกันนั้นก็จะกำหนดในเรื่องของการแบ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับเรือโดยบริษัททัวร์จะรับไป 50% และผู้ประกอบการรถแท็กซี่ 50%
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อตกลงนี้จะมีข้อตกลงปลีกย่อยกำกับเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย นอกจากนั้นยังจะมีในเรื่องของความปลอดภัยของรถ เรื่องของการกำหนดอัตราค่าโดยสารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพื่อให้เกิดความเหมาะสม และเกิดผลดีกับการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต
ขณะที่ตัวแทนบริษัทเรือนำเที่ยวที่เข้าร่วมประชุม กล่าวว่า ปัญหาการปิดทางเข้าท่าเทียบเรือครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากและมีการสอบถามเข้ามาตลอดเวลาว่ามีปัญหาอะไร ปัจจุบันนี้การสื่อสารสามารถติดต่อถึงกันได้ตลอดเวลาเพราะฉะนั้นอยากให้ทางจังหวัดแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและหาทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีกเพราะกว่าจะเรียกความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวกลับมาได้ก็ต้องใช้เวลานาน
นอกจากนั้น สิ่งที่ทางเรือต้องการให้คำนึงถึง คือ เรื่องของความปลอดภัย เพราะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโดยทางเรือจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากและนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยทางเรือได้ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพจึงไม่อยากให้มีภาพการหลอกลวงนักท่องเที่ยวหรือการปิดทางเข้า-ออกเกิดขึ้นอีก
วันนี้ (4 พ.ค.) นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมพิจารณาแก้ไขปัญหากรณีการชุมนุมปิดถนนทางเข้าออกท่าเรือน้ำลึก บริเวณอ่าวมะขาม ตำบลวิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมี นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ หัวหน้าเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ตำรวจ ตัวแทนจากสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ตัวแทนบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่รับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับเรือ และตัวแทนจากบริษัทเดินเรือสำราญ เข้าร่วมประชุม เพื่อกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
จากการประชุมได้ข้อสรุปว่า ในการแก้ไขปัญหาการชุมนุมปิดทางเข้าออกท่าเทียบเรือน้ำลึกนั้นจะแบ่งนักท่องเที่ยวระหว่างบริษัททัวร์และผู้ประกอบการรถแท็กซี่ในพื้นที่ โดยจะมีการทำเอ็มโอยูร่วมกันซึ่งจะแบ่งนักท่องเที่ยวแบบ 50-50 เพื่อให้ทุกคนสามารถอยู่ได้ สำหรับร่างเอ็มโอยูที่จะลงนามร่วมกันนั้นทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ตจะเป็นผู้กำหนดและร่างให้เสร็จภายในเดือนนี้เพื่อให้สามารถลงนามความร่วมมือกันได้โดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาปิดทางเข้าออกท่าเทียบเรือน้ำลึกเกิดขึ้นอีก
นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ หัวหน้าเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวว่า กรอบเอ็มโอยูที่จะทำร่วมกันนั้นก็จะกำหนดในเรื่องของการแบ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับเรือโดยบริษัททัวร์จะรับไป 50% และผู้ประกอบการรถแท็กซี่ 50%
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อตกลงนี้จะมีข้อตกลงปลีกย่อยกำกับเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย นอกจากนั้นยังจะมีในเรื่องของความปลอดภัยของรถ เรื่องของการกำหนดอัตราค่าโดยสารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพื่อให้เกิดความเหมาะสม และเกิดผลดีกับการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต
ขณะที่ตัวแทนบริษัทเรือนำเที่ยวที่เข้าร่วมประชุม กล่าวว่า ปัญหาการปิดทางเข้าท่าเทียบเรือครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากและมีการสอบถามเข้ามาตลอดเวลาว่ามีปัญหาอะไร ปัจจุบันนี้การสื่อสารสามารถติดต่อถึงกันได้ตลอดเวลาเพราะฉะนั้นอยากให้ทางจังหวัดแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและหาทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีกเพราะกว่าจะเรียกความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวกลับมาได้ก็ต้องใช้เวลานาน
นอกจากนั้น สิ่งที่ทางเรือต้องการให้คำนึงถึง คือ เรื่องของความปลอดภัย เพราะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโดยทางเรือจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากและนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยทางเรือได้ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพจึงไม่อยากให้มีภาพการหลอกลวงนักท่องเที่ยวหรือการปิดทางเข้า-ออกเกิดขึ้นอีก
