ปัตตานี - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ควง “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และลูกพรรคเดินสายหาเสียงปัตตานี ยกนโยบายโปรยยาหอมคนภาคใต้ชายแดนเพียบ โดยเฉพาะจะยก 3 จังหวัดใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ หนุนการศึกษาหลักสูตรอิสลาม และเนรมิตให้ปักษ์ใต้เป็นเมืองอุตสาหกรรมสานต่อโปรเจกต์ยักษ์แลนด์บริดจ์ สงขลา-สตูล
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่โรงแรมเซาท์เทิร์นวิวปัตตานี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ เบอร์ 1 พรรคเพื่อไทย พร้อมแกนนำพรรคเดินทางลงพื้นที่ จ.ปัตตานี เพื่อช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครของพรรคทั้ง 4 เขต โดยมีแกนนำและประชาชนให้การต้อนรับมอบดอกไม้ และถือป้ายสนับสนุนพรรคจนแน่นห้องประชุม
โดยก่อนที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ จะขึ้นเวทีปราศรัยพบปะกับผู้ที่มาต้อนรับและสนับสนุนนั้นมี ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อขึ้นเวทีปราศรัยเรียกน้ำย่อยสร้างความคึกคักเสียงดังสนั่นภายในห้องประชุม จากนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ขึ้นเวทีปราศรัยถึงนโยบายพรรคหากได้จัดตั้งรัฐบาล ว่า เป็นครั้งแรกที่เดินทางลงพื้นที่ชายแดนใต้ในฐานะผู้หญิงที่ขันอาสาเข้ามาทำงานรับใช้ประชาชนในตำแหน่งปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1 ของพรรคเพื่อไทย หากได้เป็นรัฐบาลจะยกระดับ 3 จังหวัดภาคใต้เป็นพื้นที่ปกครองพิเศษเหมือนกรุงเทพฯ และพัทยา เรื่องการศึกษาในโรงเรียนจะเปิดเรียนวิชามลายู จัดรูปแบบของโรงเรียนประจำเพื่อความปลอดภัยของครูและนักเรียน
นอกจากนี้ จะให้ 3 จังหวัดภาคใต้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจมีสะพานเชื่อมอันดามันกับอ่าวไทย เพื่อจะมีถนน รถไฟ และน้ำมัน ต่อไปจะมีเงินสะพัดในพื้นที่ภาคใต้ พรรคเพื่อไทยจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุดีอาระเบีย เพื่อให้ชาวมุสลิมได้ประกอบพิธีฮัจญ์ และจะเพิ่มจาก12,000 คน เป็น 20,000 คน และจัดให้มีที่พักอย่างสมศักดิ์
เช่นเดียวกับอาหารฮาลาลก็จะให้พื้นที่ 3 จังหวัดเป็นศูนย์การผลิตอาหารฮาลาล ส่งออกทั่วโลก กองทุนหมู่บ้านจาก 1 ล้านบาท เพิ่มเป็น 2 ล้านบาท และจะส่งเสริมให้สตรีมีบทบาทมากขึ้น เพราะตนเชื่อว่า สตรีมีพลังที่ยิ่งใหญ่จึงต้องมีกองทุนเพื่อส่งเสริมสตรี โดยมีงบประมาณเฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท ประกอบกับการส่งเสริมสินค้าโอทอป เงินเบี้ยเลี้ยง อสม.จะไม่ยกเลิก ส่วนเงินผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นตามอายุตั้งแต่ 60 ปี ได้ 600 บาทไปจนถึงอายุ 90 ปีได้ 1,000 บาท
และที่สำคัญ เรื่องการศึกษาของบุตรหลานเด็กไทยก็จะมีการส่งเสริมจัดตั้ง “กองทุนตั้งตัวได้” จัดงบประมาณให้กับมหาวิทยาลัยๆ ละ 1,000 ล้านบาท กองทุนดังกล่าวจะเป็นกองทุนที่ประกอบไปด้วย คณะกรรมการจากมหาวิทยาลัย ศิษย์เก่า และผู้มีความรู้จากสาขาต่างๆ เพื่อที่จะอนุมัติโครงการต่างๆ ให้นักศึกษาที่จบเป็นเถ้าแก่น้อยตั้งตัวได้อย่างถาวร ส่วนนักเรียนวัยประถมก็จะมีคอมพิวเตอร์ให้ใช้ในคณะที่เรียนด้วย โดยเฉพาะแม่บ้านที่ต้องการวุฒิ พรรคเพื่อไทยก็จะให้แม่บ้านได้เท่าเทียบชั้น ม.6
“ฉะนั้น ดิฉันขอกล่าวด้วยความจริงใจตั้งใจที่จะเข้ามาทำงานในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเราเชื่อว่าเราคุยกันได้ และเราเชื่อว่า การปรองดองของประเทศนั้นคือ การปรองดองของคนทั้งประเทศ ดิฉันเข้าใจกับการสูญเสียสามีและลูก ดังนั้น ดิฉันไม่อยากเห็นความสูญเสียนี้เกิดขึ้นอีกกับคนไทยทั้งประเทศ ย้ำอีกครั้งว่า พรรคเพื่อไทยแสดงความจริงใจจึงขอโอกาศพรรคเพื่อไทยเข้ามาแก้ปัญหาให้ประชาชนด้วย ฉะนั้น วันที่ 3 ก.ค.นี้กาเบอร์ 1 ทั้งคนทั้งพรรคด้วย” นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว