xs
xsm
sm
md
lg

บรรยากาศช่วงเลือกตั้งที่ปัตตานีคึกคัก “กลุ่มวะห์ดะห์” ลงชิงเก้าอี้ ส.ส.กันเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปัตตานี - เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 ก.ค.นี้ บรรยากาศปัตตานีคึกคักเป็นพิเศษ อดีตกลุ่มวะห์ดะห์ลงแข่งกันเองทำให้คะแนนจัดตั้งของกลุ่มล้มสลายไปกับการชิงเก้าอี้ ส.ส ในครั้งนี้

จังหวัดปัตตานีแม้สถานการณ์ความไม่สงบยังคงมีอยู่ แต่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต ประชาชนได้ให้ความสนใจในการเลือกตั้งเกือบทุกครั้งมีประชาชนมาใช้สิทธิไม่ต่ำกว่า 70% โดยเฉพาะการเลือกตั้งในปีนี้ต้องจับตาเป็นพิเศษเพราะผู้สมัครส่วนใหญ่แล้วทีมวะห์ดะห์เก่าเกือบทั้งสิ้น แต่ครั้งนี้ต้องมาแข่งกันเองในศึกชิงเก้าอี้ ส.ส.ในครั้งนี้ตั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต

จังหวัดปัตตานีมี 4 เขตเลือกตั้ง ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 1 คืออำเภอเมือง และอำเภอยะหริ่ง มีนายอดิลัน อาลีอิสเฮาะ จากพรรคเพื่อไทย นายอันวาร์ สาและ จากพรรคประชาธิปัตย์ นายอดินันท์ สาและ จากพรรคประชาธรรม นายอรุณ เบ็ญจลักษณ์ จากพรรคภูมิใจไทย นายสนิท นาแว จากพรรคมาตุภูมิ และนายแวอุเซ็ง แวอาลี จากพรรคความหวังใหม่

เขตเลือกตั้งที่ 2 คือ อำเภอหนองจิก อำเภอโคกโพธิ์ และอำเภอแม่ลาน มีนายเติม แก้วละเอียด จากพรรคเครือข่ายชาวนา นายศรัทธา แวอาลี จากพรรคเพื่อไทย นายมูฮำมัด หะยีแวฮามะ จากพรรคประชาธรรม นายมูฮามัดอารีฟีน จะปะกียา จากพรรคมาตุภูมิ นายสายัณห์ พรหมดำ จากพรรคความหวังใหม่ และนายถวัลย์ศักดิ์ ประสิทธิ์นุ้ย

เขตเลือกตั้งที่ 3 มี อำเภอปะนาเระ อำเภอสายบุรี อำเภอไม้แก่น อำเภอกะพ้อ และ7 ตำบลของอำเภอยะหริ่ง มีนายนิมุคตาร์ วาบา จากพรรคภูมิใจไทย นายสามารถ เจ๊ะนา จากพรรคเพื่อไทย นายอนุมัติ ซูซารอ จากพรรคมาตุภูมิ นายอับดุลรามัน มะยูโซ๊ะ จากพรรคประชาธิปัตย์ และนายปรัชา จันทร จากพรรคความหวังใหม่

เขตเลือกตั้งที่ 4 มีอำเภอยะรัง อำเภอมายอ และอำเภอทุ่งยางแดง มีนายมุข สุไลมาน จากพรรคมาตุภูมิ นายสุดิน ภูยุทธานนท์ จากพรรคเพื่อไทย นายรุสดี แวบือซา จากพรรคประชาธรรม นายสมมุติ เบญจลักษณ์ จากพรรคภูมิใจไทย นายซาตา อาแวกือจิ จากพรรคประชาธิปัตย์ และนายมูหามัด หะยีหามะ จากพรรคความหวังใหม่

ภายหลังจากการรับสมัครได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงบุคคลที่จะได้มีสิทธิรับเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนี้จากสภากาแฟ จากหัวคะแนนของผู้สมัครแต่ละพรรคว่าพรรคของเขาควรได้รับการเลือกตั้งเพราะเป็นคนดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ แต่ก็ไม่พ้นคอการเมืองในพื้นที่กลับมองว่าการเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนี้เป็นการแข่งขันของกลุ่มวะห์ดะห์เก่าเกือบทั้งสิ้น โดยเฉพาะนายเด่น โต๊ะมีนา อดีตประธานกลุ่มวะห์ดะห์ ที่เคยประกาศตั้งกลุ่มเพื่อต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับพี่น้องใน 3 จังหวัด หลังผิดหวังตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยในโควตาของพรรคประชาธิปัตย์ จึงได้หันหลังให้กับพรรคประชาธิปัตย์แล้วมารวม ส.ส.มุสลิมใน 3 จังหวัดภาคใต้เป็นกลุ่มวะห์ดะห์และดับเครื่องชนกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการ

ภายใต้สโลแกนถ้าอยากได้รัฐมนตรีเพื่อดูแลคน 3 จังหวัดภาคใต้ต้องเลือก ส.ส.ของกลุ่มวะห์ดะห์ และต้องไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์เพราะเป็นพรรคที่ไม่ให้โอกาสคนใน 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งในช่วงนั้นกลุ่มวะห์ดะห์ได้สังกัดพรรคความหวังใหม่ของบิ๊กจิ๋ว (พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ) ในช่วงนั้นกลุ่มวะห์ดะห์รุ่งเรืองมากเพราะนายเด่นโต๊ะ มีนา ได้นั่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย แต่ต้องสูญเสียอาคารเรียนในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ถูกวางเพลิงเผาวอด 30 กว่าโรง

จะเห็นได้ว่าในยุคที่กลุ่มวะห์ดะห์รุ่งเรือง นายนิมุคตาร์ วาบา ได้มีตำแหน่งเป็นผู้ว่าวะห์ดะห์ในส่วนของจังหวัดปัตตานี และเป็นอดีต ส.ส.ปัตตานีพรรคเผื่อแผ่นดิน แต่มาในปีนี้นายนิมุคตาร์ วาบา ได้ลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย แข่งกับนายอับดุลรามัน มะยูโซะ ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอดีตสมาชิกกลุ่มวะห์ดะห์

ด้าน นายเด่น โต๊ะมีนา ในครั้งนี้ได้ลงแบบบัญชีรายชื่อในนามพรรคมาตุภูมิ เพราะหวังว่าบิ๊กบังเป็นที่พึ่งของคนใต้ไทย จึงอาสามาเป็นผู้จัดการให้กับพรรคมาตุภูมิทั้ง 4 เขตของจังหวัดปัตตานีส่วนเขตเลือกตั้งที่ 2 นายอิสมาแอล เบญอิบรอฮีม อดีตสส.ปัตตานีพรรคประชาธิปัตย์ได้ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง นอกจากนั้นยังมีศักดิ์เป็นน้องเขยของเด่นโต๊ะมีนาและเคยมีบทบาทในกลุ่มวะห์ดะห์เป็นอย่างดี แต่ต้องมาแข่งกับนายมูฮำมัด หะยีแวฮามะ ในนามพรรคประชาธรรม ซึ่งเป็นอดีตแกนนำกลุ่มวะห์ดะห์ในเขตเมืองปัตตานี ถึงแม้อาจไม่สามารถชิงเก้าอี้ ส.ส.ในครั้งนี้ได้ แต่ก็สามารถตัดคะแนนของนายอิสมาแอล ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างแน่นอน

ส่วนการเลือกตั้งในเขต 4 นั้นก็น่าสนใจเช่นกัน เพราะนายมุข สุไลมาน แกนนำกลุ่มวะห์ดะห์ที่มีฉายาขุนพลปากกล้า ต้องลงในนามพรรคมาตุภูมิ แข่งกับนายสุดิน ภูยุทธานนท์ อดีตแกนนำกลุ่มวะห์ดะห์เช่นกันลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย นอกจากนั้นยังมีนายสมมุติ เบญจลักษณ์ อดีตแกนนำกลุ่มวะห์ดะห์ลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย จึงทำให้การเมืองในเขตนี้ดุเดือดเป็นพิเศษ

ส่วนใครจะได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้นั้น คอการเมืองปัตตานีคาดว่าในเขตเลือกตั้งที่ 1 ได้นายสนิท นาแว พรรคมาตุภูมิ เพราะเป็นคนที่มีบารมีทุนทางสังคมสูง โดยเฉพาะฐานเสียงในรอบนอกเมือง โดยเฉพาะบรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ส่วนใหญ่ชื่นชอบ อยากผลักดันให้เป็น ส.ส.ให้ได้ เนื่องจากนายสนิท นาแว เคยดำรงตำแหน่งประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอยะหริ่ง มาจนเกษียณอายุ นอกจากนั้นที่ผ่านมานายสนิท นาแว ยังเคยเป็นหัวคะแนนใหญ่ให้พรรคการต่างๆ มาอย่างโชกโชน แล้วยังมีฐานะทางการเงินดีและยังใจถึงอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม นายอันวาร์ สาและ ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังคงเดินหน้าหาเสียงในเขตอำเภอเมืองโดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองอย่างเต็มที่ หลังจากแกนนำพรรคลงพื้นที่หาเสียงมีเสียงตอบรับจากประชาชนในชุมชนเขตเทศบาลเมืองที่ส่วนใหญ่มีพื้นเพมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสงขลา และจังหวัดพัทลุง เพื่อรักษาฐานคะแนนของพรรคให้แน่นยิ่งขึ้น และอาจจะทำให้คะแนนพลิกมาเป็นของพรรคประชาธิปัตย์

นอกจากนั้นยังมีนายอารุณ เบญจลักษณ์ ผู้สมัครในนามพรรคภูมิใจไทย ในฐานะที่เคยเป็นแกนนำกลุ่มวะห์ดะห์ จึงมีฐานเสียงจัดตั้งจากกลุ่มฯ ในพื้นที่ อยู่มากพอสมควร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการหาเสียงในพื้นที่จังหวัดปัตตานีทั้ง 4 เขต มีเสียงจากสภากาแฟ มี ผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรคมาตุภูมิสามารถเจาะที่นั่งได้ไม่ต่ำกว่าสองที่นั่ง ได้แก่เขตเลือกตั้งที่ 1 นายสนิท นาแว เขตเลือกตั้งที่ 3 นายอนุมัติ ซูซารอ ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 2 นายอิสมาแอล เบ็ญอิบรอฮีม พรรคประชาธิปัตย์ เขตเลือกตั้งที่ 4 ซาตา อากือจิ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งต่างกับข้อมูลตำรวจสันติบาล ในพื้นที่ระบุว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์สามารถคว้า ส.ส.เขตจำนวน 3 ที่นั่ง ยกเว้นเขตเลือกตั้งที่ 3 ที่พรรคมาตุภูมิสามารถได้ที่นั่งเก้าอี้เดียวของปัตตานี

จากการวิเคราะห์สาเหตุพรรคประชาธิปัตย์สามารถคว้าที่นั่ง ส.ส.ได้มากถึง 3 ที่นั่ง ในสี่เขตของจังหวัดปัตตานี เนื่องจากผู้สมัครของพรรคมาตุภูมิ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคพัฒนาชาติไทยต่างเป็นบุคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงการเมืองทั้งสิ้นและเป็นบุคคลประเภทแพ้ไม่เป็นทำให้การสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนี้มีเงินสดสะพัดในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท จึงทำให้เสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีอยู่เดิมแล้วไม่ต่ำกว่า 40% ที่พร้อมจะประกาศผลชัยชนะรออยู่แล้ว ยิ่งถ้ามีการชิงศึกในรอบนอกมากเท่าไร พรรคประชาธิปัตย์ยิ่งได้เปรียบมากเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น