นครศรีธรรมราช - ปฏิบัติการเงียบล้างเรือนจำนครศรีธรรมราช รองอธิบดีราชทัณฑ์ บุกค้นกลางดึกยึดยาบ้าเฉียดพันเม็ด โทรศัพท์อีกอื้อ-คำสั่งฟ้าผ่าเด้ง 18 จนท.ออกนอกพื้นที่ 24 ชม.ด้าน ผกก.เมือง รับส่งสายฝังตัวภายใน ตกกลางคืนฉาวราวกับร้านคาราโอเกะ
เหตุการณ์ปฏิบัติการบุกล้างเรือนจำนครศรีธรรมราชอย่างเงียบเชียบ ยึดโทรศัพท์ ยาเสพติดจำนวนมาก ก่อนออกคำสั่งฟ้าผ่าย้ายเจ้าหน้าที่ประจำแดน 18 นาย ภายใน 24 ชั่วโมง ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.เจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช รายหนึ่งเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา นายฐานิส ศรียะพันธ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการได้นำกำลังหน่วยคอมมานโดกรมราชทัณฑ์จำนวนนับสิบนายเดินทางลงพื้นที่นครศรีธรรมราช โดยไม่มีการเปิดเผย หรือแจ้งให้ใครทราบล่วงหน้า เพื่อเข้าปฏิบัติการตรวจค้นและกวาดล้างสิ่งต้องห้ามภายในเรือนจำนครศรีธรรมราช โดยทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบเชียบโดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ในเรือนจำนครศรีธรรมราชคนใดล่วงรู้มาก่อน
“ในการมาถึงของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการชุดนี้ ได้เป็นที่พอใจของเจ้าหน้าที่เรือนจำที่อึดอัดมานานมาก และอยู่ในสภาพน้ำท่วมปาก โดยการปฏิบัติได้เริ่มจู่โจมขึ้นเมื่อราวเวลา 02.00 น.ของวันพุธที่ผ่านมา โดย นายฐานิส ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าจู่โจมเรือนจำนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่รักษาการประจำนั้นจะถูกยึดอุปกรณ์การสื่อสาร เพื่อไม่ให้มีการติดต่อกันอย่างเด็ดขาด ก่อนที่จะเปิดประตูเรือนจำจู่โจมเข้าไปในแดน 6 และแดนความมั่นคงสูงซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องของการสั่งการค้ายาเสพติดทางโทรศัพท์ เริ่มปฏิบัติการตรวจค้นนักโทษที่ต้องขังอยู่ภายในแดนดังกล่าวอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ประจำแดนควบคุม
ซึ่งสามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ ยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโทรศัพท์นั้นเกือบ 100 เครื่อง ซึ่งทุกอย่างนั้นถูกปิดเงียบโดยของกลางทั้งหมดนั้นได้ถูกตรวจยึดโดยทีมปฏิบัติการณ์ทีมนี้ ได้ลงประจำวันที่ สภ.พระพรหม ในเรื่องเฉพาะยาเสพติด ส่วนโทรศัพท์จะดำเนินการตามภายในเท่านั้น” เจ้าหน้าที่รายนี้ กล่าวต่อและว่า
ผลจากการปฏิบัติการคืนนั้น ปรากฏว่า ได้มีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้รวดเดียวถึง 18 นาย โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับชำนาญงาน และปฏิบัติงานกระจายไปในหลายจังหวัดโดยไกลสุดนั้นต้องเดินทางไปรายงานตัวที่เรือนจำ จ.ปราจีนบุรี ราชบุรี
นอกจากนั้น กระจายอยู่ในภาคใต้ ซึ่งทำให้เกิดความปั่นป่วนพอสมควรเจ้าหน้าที่อยู่ในแดนอื่นๆ ต้องมาช่วยปฏิบัติหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังในแดนนี้กันอย่างจ้าละหวั่น และต้องรอการเดินทางของข้าราชการราชทัณฑ์ชุดใหม่จากหลายจังหวัดที่ขอโยกย้ายกลับบ้านมารับตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่แทนข้าราชการชุดที่ถูกคำสั่งย้ายด่วนออกนอกพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อกับ นายณรงค์ ยงค์ณรงค์กุล ผบ.เรือนจำนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ปลายสายอ้างว่า ผบ.ได้เข้าไปตรวจราชการในแดนควบคุมไม่สามารถติดต่อได้ และเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเบอร์โทรศัพท์มือถือเจ้าหน้าที่ปลายสาย อ้างว่าไม่ใช่หน้าห้องไม่สามารถให้ได้ และหน้าห้องไม่อยู่
ทางด้าน พ.ต.อ.ศักดิ์สุราษฎร์ ตลับนาค ผกก.สภ.พระพรหม ท้องที่ตั้งของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการนั้น ได้เดินทางลงตรวจค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชจริงภายใต้การควบคุมของ นายฐานิส ศรียะพันธ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ที่ใช้นั้นมาจากส่วนกลางทั้งหมด
หลังจากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับเป็นคดีแล้ว ในส่วนของการตรวจค้นพบยาเสพติดโดยมีการตรวจพบยาบ้ากว่า 900 เม็ด ถูกทิ้งไว้กระจัดกระจายมีทั้งในโถส้วม กระจายตามพื้นเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้จู่โจมนักโทษแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่สามารถจับตัวผู้ที่ครอบครองได้เนื่องจากยาเสพติดเหล่านั้นไม่ได้อยู่กับตัวนักโทษ
“ในส่วนของยาเสพติดนั้นพนักงานสอบสวนรับเป็นคดีเรียบร้อยแล้วต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้คุม ผู้ตรวจค้น เพื่อสืบให้ได้ว่าผู้ครองเป็นใคร แต่อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากเนื่องจากเป็นเรื่องของภายใน ส่วนเรื่องของโทรศัพท์นั้นชุดปฏิบัติการได้ตรวจยึดไปดำเนินการเป็นการภายในของกรมราชทัณฑ์เอง” ผกก.สภ.พระพรหม กล่าว
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งก่อนหน้าได้จับกุมข้าราชการราชทัณฑ์สังกัดเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช รายหนึ่งไว้ได้ปัจจุบันได้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาล ส่วนตำแหน่งหน้าที่นั้นได้ถูกผู้บังคับบัญชาสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว ได้เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูของกรมราชทัณฑ์ได้ประสานข้อมูลในเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ยาเสพติดโดยเฉพี่มีเกี่ยวข้องกับนักโทษภายในเรือนจำมาโดยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยส่วนตัวนั้นไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางมีการปฏิบัติการตรวจค้นเพิ่งทราบหลังจากเสร็จภารกิจไปแล้ว
“ผมได้วางสายสืบไว้เป็นผู้ต้องโทษที่กลับใจทำให้รู้ขบวนการยาเสพติดของนักโทษในเรือนจำค่อนข้างมาก เป็นประโยชน์ในการกวาดล้างยาเสพติดอย่างมากเช่นเดียวกัน มีการโทรศัพท์ออกมาได้อย่างอิสระ ตกกลางคืนเสียงดังราวกับเป็นคาราโอเกะ การปฏิบัติการที่เกิดขึ้นนั้นถือเป็นเชิงรุกของเจ้าหน้าที่อีกขั้น” ผกก.สภ.เมือง กล่าว
เหตุการณ์ปฏิบัติการบุกล้างเรือนจำนครศรีธรรมราชอย่างเงียบเชียบ ยึดโทรศัพท์ ยาเสพติดจำนวนมาก ก่อนออกคำสั่งฟ้าผ่าย้ายเจ้าหน้าที่ประจำแดน 18 นาย ภายใน 24 ชั่วโมง ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.เจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช รายหนึ่งเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา นายฐานิส ศรียะพันธ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการได้นำกำลังหน่วยคอมมานโดกรมราชทัณฑ์จำนวนนับสิบนายเดินทางลงพื้นที่นครศรีธรรมราช โดยไม่มีการเปิดเผย หรือแจ้งให้ใครทราบล่วงหน้า เพื่อเข้าปฏิบัติการตรวจค้นและกวาดล้างสิ่งต้องห้ามภายในเรือนจำนครศรีธรรมราช โดยทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบเชียบโดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ในเรือนจำนครศรีธรรมราชคนใดล่วงรู้มาก่อน
“ในการมาถึงของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการชุดนี้ ได้เป็นที่พอใจของเจ้าหน้าที่เรือนจำที่อึดอัดมานานมาก และอยู่ในสภาพน้ำท่วมปาก โดยการปฏิบัติได้เริ่มจู่โจมขึ้นเมื่อราวเวลา 02.00 น.ของวันพุธที่ผ่านมา โดย นายฐานิส ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าจู่โจมเรือนจำนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่รักษาการประจำนั้นจะถูกยึดอุปกรณ์การสื่อสาร เพื่อไม่ให้มีการติดต่อกันอย่างเด็ดขาด ก่อนที่จะเปิดประตูเรือนจำจู่โจมเข้าไปในแดน 6 และแดนความมั่นคงสูงซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องของการสั่งการค้ายาเสพติดทางโทรศัพท์ เริ่มปฏิบัติการตรวจค้นนักโทษที่ต้องขังอยู่ภายในแดนดังกล่าวอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ประจำแดนควบคุม
ซึ่งสามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ ยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโทรศัพท์นั้นเกือบ 100 เครื่อง ซึ่งทุกอย่างนั้นถูกปิดเงียบโดยของกลางทั้งหมดนั้นได้ถูกตรวจยึดโดยทีมปฏิบัติการณ์ทีมนี้ ได้ลงประจำวันที่ สภ.พระพรหม ในเรื่องเฉพาะยาเสพติด ส่วนโทรศัพท์จะดำเนินการตามภายในเท่านั้น” เจ้าหน้าที่รายนี้ กล่าวต่อและว่า
ผลจากการปฏิบัติการคืนนั้น ปรากฏว่า ได้มีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้รวดเดียวถึง 18 นาย โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับชำนาญงาน และปฏิบัติงานกระจายไปในหลายจังหวัดโดยไกลสุดนั้นต้องเดินทางไปรายงานตัวที่เรือนจำ จ.ปราจีนบุรี ราชบุรี
นอกจากนั้น กระจายอยู่ในภาคใต้ ซึ่งทำให้เกิดความปั่นป่วนพอสมควรเจ้าหน้าที่อยู่ในแดนอื่นๆ ต้องมาช่วยปฏิบัติหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังในแดนนี้กันอย่างจ้าละหวั่น และต้องรอการเดินทางของข้าราชการราชทัณฑ์ชุดใหม่จากหลายจังหวัดที่ขอโยกย้ายกลับบ้านมารับตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่แทนข้าราชการชุดที่ถูกคำสั่งย้ายด่วนออกนอกพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อกับ นายณรงค์ ยงค์ณรงค์กุล ผบ.เรือนจำนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ปลายสายอ้างว่า ผบ.ได้เข้าไปตรวจราชการในแดนควบคุมไม่สามารถติดต่อได้ และเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเบอร์โทรศัพท์มือถือเจ้าหน้าที่ปลายสาย อ้างว่าไม่ใช่หน้าห้องไม่สามารถให้ได้ และหน้าห้องไม่อยู่
ทางด้าน พ.ต.อ.ศักดิ์สุราษฎร์ ตลับนาค ผกก.สภ.พระพรหม ท้องที่ตั้งของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการนั้น ได้เดินทางลงตรวจค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชจริงภายใต้การควบคุมของ นายฐานิส ศรียะพันธ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ที่ใช้นั้นมาจากส่วนกลางทั้งหมด
หลังจากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับเป็นคดีแล้ว ในส่วนของการตรวจค้นพบยาเสพติดโดยมีการตรวจพบยาบ้ากว่า 900 เม็ด ถูกทิ้งไว้กระจัดกระจายมีทั้งในโถส้วม กระจายตามพื้นเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้จู่โจมนักโทษแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่สามารถจับตัวผู้ที่ครอบครองได้เนื่องจากยาเสพติดเหล่านั้นไม่ได้อยู่กับตัวนักโทษ
“ในส่วนของยาเสพติดนั้นพนักงานสอบสวนรับเป็นคดีเรียบร้อยแล้วต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้คุม ผู้ตรวจค้น เพื่อสืบให้ได้ว่าผู้ครองเป็นใคร แต่อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากเนื่องจากเป็นเรื่องของภายใน ส่วนเรื่องของโทรศัพท์นั้นชุดปฏิบัติการได้ตรวจยึดไปดำเนินการเป็นการภายในของกรมราชทัณฑ์เอง” ผกก.สภ.พระพรหม กล่าว
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งก่อนหน้าได้จับกุมข้าราชการราชทัณฑ์สังกัดเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช รายหนึ่งไว้ได้ปัจจุบันได้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาล ส่วนตำแหน่งหน้าที่นั้นได้ถูกผู้บังคับบัญชาสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว ได้เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูของกรมราชทัณฑ์ได้ประสานข้อมูลในเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ยาเสพติดโดยเฉพี่มีเกี่ยวข้องกับนักโทษภายในเรือนจำมาโดยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยส่วนตัวนั้นไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางมีการปฏิบัติการตรวจค้นเพิ่งทราบหลังจากเสร็จภารกิจไปแล้ว
“ผมได้วางสายสืบไว้เป็นผู้ต้องโทษที่กลับใจทำให้รู้ขบวนการยาเสพติดของนักโทษในเรือนจำค่อนข้างมาก เป็นประโยชน์ในการกวาดล้างยาเสพติดอย่างมากเช่นเดียวกัน มีการโทรศัพท์ออกมาได้อย่างอิสระ ตกกลางคืนเสียงดังราวกับเป็นคาราโอเกะ การปฏิบัติการที่เกิดขึ้นนั้นถือเป็นเชิงรุกของเจ้าหน้าที่อีกขั้น” ผกก.สภ.เมือง กล่าว