นครศรีธรรมราช - ชาวนบพิตำกว่า 200 คน ชุมนุมรวมตัวเรียกร้องตกสำรวจจากผู้เดือดร้อนน้ำท่วม เพราะมีผู้นำชุมชนบางคนกลั่นแกล้ง เผยไปแจ้ง อบต.ถูกปฏิเสธว่าผู้แจ้งเต็ม ขณะทางจังหวัดยันไม่เต็ม
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่บริเวณศาลาประชาคมอำเภอนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 12.00 น. กลุ่มชาวบ้านจาก ม.2 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ นครศรีธรรมราช ประมาณกว่า 200 มีมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีมีชาวบ้านพื้นที่ ม.2 ตกสำรวจกว่า 200 ครัวเรือน โดยพื้นที่ ม.2 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ นั้นมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวน 320 ครัวเรือน ซึ่งทุกครัวเรือนเดือดร้อนจากสภาวะน้ำท่วมอย่างหนักหนาสาหัส แต่ปราฏกว่าทาง อบต.นบพิตำ สำรวจความเดือดร้อนให้กับพวกพ้องเพียง 40 ครัวเท่านั้น ทั้งๆ ที่จริงเดือดร้อนเหมือนกันหมด เมื่อชาวบ้านไปขอลงทะเบียนที่ อบต.ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่รับแจ้งเพราะมาแจ้งไว้เต็มแล้ว ทำให้ชาวบ้านสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ อบต.ปิดหูปิดตาไม่รับแจ้งถึงความเดือดร้อนของประชาชน
โดยชาวบ้านรายหนึ่ง ไม่ประสงค์จะออกนามกล่าวว่า ตนเองเดือดร้อนอย่างหนักเพราะไม่มีเงิน สวนยางก็ถูกน้ำพัดเสียหายเกือบทั้งสวน ที่เหลือไม่สามารถกรีดได้ ขณะที่การช่วยเหลือก็ไม่ทั่วถึง ชาวบ้านในหมู่บ้าน ม.2 ต.นบพิตำ เดือดร้อนกันทั้งหมู่บ้าน แต่ได้รับการช่วยเหลือเพียง 40 ครัวเรือน ที่เหลือตกสำรวจ และมีการไปสอบถามทางจังหวัดก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มีคำว่าเต็มสำหรับผู้เดือดร้อนจากน้ำท่วมในครั้งนี้ หมู่บ้านไหนเต็มก็เท่ากับว่าทุกครัวเรือนมาแจ้งไว้ครบแล้ว ชาวบ้านจึงมารวมตัวกันเพื่อสอบถามถึงความโปร่งใสในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ทั้งระดับ อบต.รวมไปถึงอำเภอนบพิตำด้วย หรือเพียงแต่จะช่วยเหลือเพียงญาติพี่น้องหรือพวกพ้องเท่านั้น ตรงนี้ขอให้ทางจังหวัดหรืออำเภอช่วยชี้แจงให้ชาวบ้านทราบด้วย
ขณะที่นางปราณี พรหมจรรย์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/1 ม.6 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ว่า บ้านของตนซึ่งตั้งอยู่ริมคลองกลาย ได้ถูกกระแสน้ำป่าและดินโคลนถล่มพัดบ้านของตนพังเสียหายหมดไปทั้งหลัง แต่ปรากฏว่าบ้านของตนได้ตกสำรวจไป เพราะมีผู้นำชุมชนบางคนกลั่นแกล้งตนไม่ยอมสำรวจให้บ้านตนได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติในครั้งนี้ด้วย ทั้งๆที่บ้านพักของตนตั้งอยู่ริมคลองกลายและบ้านถูกน้ำป่าพัดพังเสียหายไปทั้งบ้านและที่ดินจนบ้านกลายเป็นคลองไปแล้วชัดเจน
ทำให้ตนและครอบครัวของตนต้องทำให้ขาดโอกาสที่จะได้รับการช่วยเหลือจากทางรัฐบาล แม้แต่ถุงยังชีพก็ไม่เคยได้รับเลยเคยเดินทางไปรับแจกถุงยังชีพก็ถูกไล่กลับมา ทั้งๆที่บ้านตนเดือดร้อนจริงๆ เงินสักบาทก็ไม่ได้เคยได้รับอย่าว่าแต่เงินช่วยเหลือ 5,000บาท จากรัฐบาลเลย เพราะทางผู้นำท้องถิ่นบางคนเอาเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง เห็นว่าตนเป็นฝ่ายตรงข้ามเลยกลั่นแกล้งให้บ้านของตนตกสำรวจไปอย่างน่าเสียดาย พร้อมกับชาวบ้านอีกหลายสิบครัวเรือนในหมู่บ้านตนก็สำรวจไปด้วยอยากให้ทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชลงมาตรวจสอบให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย ซึ่งหลังจากนางปราณีกล่าวกับผู้สื่อข่าวแล้ว ได้พาผู้สื่อข่าวไปชี้จุดเดิมของบ้านและที่ดินที่ถูกน้ำป่าพัดพังหายไปกับคลองกลายจนไม่เหลือซากเพราะกลายเป็นลำคลองหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังมีชาวบ้านมารวมกันชุมนุมร้องเรียนจำนวนมาก ทางอำเภอนบพิตำก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่มารับทราบความประสงค์ และทำการรับลงรายชื่อผู้เดือดร้อนในครั้งนี้ทุกคน เพื่อจะได้เข้าทำการสำรวจข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง พร้อมจะนำเรื่องนี้เสนอไปยังทางจังหวัดรับทราบในการหาทางช่วยเหลือต่อไป หลังจากนั้นชาวบ้านก็ได้แยกย้ายกันกลับในที่สุด
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่บริเวณศาลาประชาคมอำเภอนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 12.00 น. กลุ่มชาวบ้านจาก ม.2 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ นครศรีธรรมราช ประมาณกว่า 200 มีมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีมีชาวบ้านพื้นที่ ม.2 ตกสำรวจกว่า 200 ครัวเรือน โดยพื้นที่ ม.2 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ นั้นมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวน 320 ครัวเรือน ซึ่งทุกครัวเรือนเดือดร้อนจากสภาวะน้ำท่วมอย่างหนักหนาสาหัส แต่ปราฏกว่าทาง อบต.นบพิตำ สำรวจความเดือดร้อนให้กับพวกพ้องเพียง 40 ครัวเท่านั้น ทั้งๆ ที่จริงเดือดร้อนเหมือนกันหมด เมื่อชาวบ้านไปขอลงทะเบียนที่ อบต.ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่รับแจ้งเพราะมาแจ้งไว้เต็มแล้ว ทำให้ชาวบ้านสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ อบต.ปิดหูปิดตาไม่รับแจ้งถึงความเดือดร้อนของประชาชน
โดยชาวบ้านรายหนึ่ง ไม่ประสงค์จะออกนามกล่าวว่า ตนเองเดือดร้อนอย่างหนักเพราะไม่มีเงิน สวนยางก็ถูกน้ำพัดเสียหายเกือบทั้งสวน ที่เหลือไม่สามารถกรีดได้ ขณะที่การช่วยเหลือก็ไม่ทั่วถึง ชาวบ้านในหมู่บ้าน ม.2 ต.นบพิตำ เดือดร้อนกันทั้งหมู่บ้าน แต่ได้รับการช่วยเหลือเพียง 40 ครัวเรือน ที่เหลือตกสำรวจ และมีการไปสอบถามทางจังหวัดก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มีคำว่าเต็มสำหรับผู้เดือดร้อนจากน้ำท่วมในครั้งนี้ หมู่บ้านไหนเต็มก็เท่ากับว่าทุกครัวเรือนมาแจ้งไว้ครบแล้ว ชาวบ้านจึงมารวมตัวกันเพื่อสอบถามถึงความโปร่งใสในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ทั้งระดับ อบต.รวมไปถึงอำเภอนบพิตำด้วย หรือเพียงแต่จะช่วยเหลือเพียงญาติพี่น้องหรือพวกพ้องเท่านั้น ตรงนี้ขอให้ทางจังหวัดหรืออำเภอช่วยชี้แจงให้ชาวบ้านทราบด้วย
ขณะที่นางปราณี พรหมจรรย์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/1 ม.6 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ว่า บ้านของตนซึ่งตั้งอยู่ริมคลองกลาย ได้ถูกกระแสน้ำป่าและดินโคลนถล่มพัดบ้านของตนพังเสียหายหมดไปทั้งหลัง แต่ปรากฏว่าบ้านของตนได้ตกสำรวจไป เพราะมีผู้นำชุมชนบางคนกลั่นแกล้งตนไม่ยอมสำรวจให้บ้านตนได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติในครั้งนี้ด้วย ทั้งๆที่บ้านพักของตนตั้งอยู่ริมคลองกลายและบ้านถูกน้ำป่าพัดพังเสียหายไปทั้งบ้านและที่ดินจนบ้านกลายเป็นคลองไปแล้วชัดเจน
ทำให้ตนและครอบครัวของตนต้องทำให้ขาดโอกาสที่จะได้รับการช่วยเหลือจากทางรัฐบาล แม้แต่ถุงยังชีพก็ไม่เคยได้รับเลยเคยเดินทางไปรับแจกถุงยังชีพก็ถูกไล่กลับมา ทั้งๆที่บ้านตนเดือดร้อนจริงๆ เงินสักบาทก็ไม่ได้เคยได้รับอย่าว่าแต่เงินช่วยเหลือ 5,000บาท จากรัฐบาลเลย เพราะทางผู้นำท้องถิ่นบางคนเอาเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง เห็นว่าตนเป็นฝ่ายตรงข้ามเลยกลั่นแกล้งให้บ้านของตนตกสำรวจไปอย่างน่าเสียดาย พร้อมกับชาวบ้านอีกหลายสิบครัวเรือนในหมู่บ้านตนก็สำรวจไปด้วยอยากให้ทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชลงมาตรวจสอบให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย ซึ่งหลังจากนางปราณีกล่าวกับผู้สื่อข่าวแล้ว ได้พาผู้สื่อข่าวไปชี้จุดเดิมของบ้านและที่ดินที่ถูกน้ำป่าพัดพังหายไปกับคลองกลายจนไม่เหลือซากเพราะกลายเป็นลำคลองหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังมีชาวบ้านมารวมกันชุมนุมร้องเรียนจำนวนมาก ทางอำเภอนบพิตำก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่มารับทราบความประสงค์ และทำการรับลงรายชื่อผู้เดือดร้อนในครั้งนี้ทุกคน เพื่อจะได้เข้าทำการสำรวจข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง พร้อมจะนำเรื่องนี้เสนอไปยังทางจังหวัดรับทราบในการหาทางช่วยเหลือต่อไป หลังจากนั้นชาวบ้านก็ได้แยกย้ายกันกลับในที่สุด