ตรัง - เจ้าของธุรกิจปลากระป๋องเครือปุ้มปุ้ย-ปลายิ้ม มั่นใจสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น ไม่มีผลกระทบต่อ 2 พืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดตรัง แถมยังทำให้แนวโน้มธุรกิจอาหารกระป๋องสดใสด้วย
นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง และประธานกรรมการอำนวยการ บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและส่งออกอาหารกระป๋องรายใหญ่ในเครือปุ้มปุ้ย-ปลายิ้ม เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี แม้จะมีความรุนแรง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับยางพารา หรือปาล์มน้ำมันมากนัก เนื่องจากประเทศไทยอยู่ห่างไกลมาก และลมก็พัดไปอีกทิศทางหนึ่ง ทำให้ไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นแหล่งผลิตอาหารายใหญ่ของโลก
ดังนั้น จากวิกฤตดังกล่าวจึงถือเป็นโอกาสในการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าประเภทอาหารกระป๋องของประเทศไทย ซึ่งถือได้ว่ามีความปลอดภัยสูง เมื่อเทียบกับอาหารชนิดอื่น เนื่องจากมีระบบป้องกันสารปนเปื้อนเป็นอย่างดี จึงเป็นช่องทางในการทำตลาดที่ประเทศญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ถือเป็นประเทศหนึ่งไม่ค่อยนิยมอาหารกระป๋องมากนัก แต่ผลจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น จะช่วยเพิ่มช่องทางในการส่งออกสินค้าได้มากขึ้น รวมไปถึงสินค้าประเภทอาหารทานเล่น ซึ่งมีแนวโน้มตัวเลขสดใสเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สำหรับกรณีที่พืชเศรษฐกิจของจังหวัดตรัง 2 ชนิด คือ ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ซึ่งในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ช่วงต้นเดือนเมษายน 2554 ที่ผ่านมา ได้เกิดสภาพผันผวนอย่างรุนแรง จนทำให้ราคาสินค้าทางการเกษตรลดต่ำลงอย่างรวดเร็วนั้น ทำให้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดตรังเกิดความหวั่นไหวไม่น้อย อย่างไรก็ตาม จากวิกฤตที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นบทเรียนอันสำคัญของประชาชน ที่ต่อจากนี้ไปจะต้องระมัดระวังในการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น และควรจะเก็บเงินออมเผื่อเอาไว้บ้างจำนวนก้อนหนึ่ง
ทั้งนี้ แม้ว่าจะถูกกลุ่มประเทศผู้รับซื้อยางพาราในประเทศจีน รวมตัวกันกดราคาในช่วงฤดูกาลปิดกรีดให้ลดต่ำลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่จากการติดตามสถานการณ์ในตลาดต่างประเทศ ยังพบว่าราคาซื้อขายยางพาราล่วงหน้ายังไปได้ดีอยู่ โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่กิโลกรัมไม่ต่ำกว่า 100 บาท อีกทั้งในช่วงที่ราคายางพาราตกต่ำนั้น ก็อยู่ในช่วงปิดกรีดพอดี จึงทำให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดตรังไม่มากนัก นอกจากผลกระทบในด้านของจิตวิทยา ที่ขณะนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว