ตรัง - สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดตรังเริ่มดีขึ้น แต่ยังคงเหลือในพื้นที่ อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มและอยู่ใกล้กับแม่น้ำตรัง แต่น้ำเริ่มมีสีคล้ำและมีกลิ่นเหม็นเป็นอย่างมาก
วันนี้ (8 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ตรัง ว่า หลังจากที่น้ำท่วมใน 10 อำเภอของ จ.ตรัง มาตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2554 หรือเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว หลังจากนั้นความรุนแรงของน้ำเริ่มลดลงเรื่อยๆ ยังคงเหลือแต่ในพื้นที่ อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มและอยู่ใกล้กับแม่น้ำตรัง แต่น้ำเริ่มมีสีคล้ำ และมีกลิ่นเหม็นเป็นอย่างมาก ไม่สามารถนำหญ้าให้สัตว์เลี้ยงกินได้ อีกทั้งน้ำคงยังท่วมขังสวนยางพาราสูงประมาณ 50 เซนติเมตร ทำให้ชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวสวนยางพาราขาดรายได้ในช่วงนี้ แต่หลายครอบครัวยังต้องมาพักพิงชั่วคราวบนถนน เพื่อใช้เป็นที่หลับนอน และหุงอาหารในแต่ละวัน
ทั้งนี้ หลังจากน้ำลดเกือบปกติ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดตรัง ได้เริ่มปล่อยกระแสไฟฟ้าให้กับชาวบ้านไปส่วนหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้น้ำท่วมบ้านสูงกว่า 4 เมตร และท่วมมิเตอร์ไฟฟ้า จึงจำเป็นต้องตัดกระแสไฟฟ้า แต่ชาวบ้านก็ยังไม่สามารถเข้าไปนอนภายในบ้านได้ เนื่องจากบางบ้าน แม้ฝนจะหยุดไปกว่า 3 วันแล้ว แต่ก็ยังมีน้ำท่วมสูง แต่คาดว่าอีก 3 วัน หากฝนไม่ตกลงมาอีก คงจะสามารถเข้าไปอาศัยในบ้านแทนที่จะกางเต็นส์นอนข้างถนน และสามารถเข้าทำความสะอาดภายในบ้านได้แล้ว
ส่วนบ้านที่น้ำได้ลดลงเกือบเป็นปกติ ในพื้นที่ ต.นาตาล่วง และ ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง ก็ได้เริ่มขนของใช้ที่ถูกน้ำท่วมที่ติดค้างอยู่ในบ้านออกมาทำความสะอาด และคาดจะสามารถนำมาใช้ได้ต่อไปอีก ด้วยการนำมาผึ่งแดดริมถนน ซึ่งวันนี้มีแสงแดดจัดตลอดทั้งวัน ขณะที่บางบ้านต้องสุญเสียเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะคาดไม่ถึงว่าน้ำจะท่วมสูงและเชี่ยวมาก จนขนของออกจากบ้านไม่ทันและเกือบจะเอาชีวิตไม่
เช่นเดียวกับโรงเรียนจำนวนหลายแห่ง เช่น โรงเรียนวัดไพรสนฑ์ โรงเรียนเทศบาลนครตรัง (วัดประสิทธิชัย) โรงเรียนบ้านคลองขุด แม้ว่าน้ำเริ่มลดเกือบปกติแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการเข้าไปทำความสะอาด หรือสำรวจความเสียหายเกี่ยวอุปกรณ์การเรียน การสอน เพราะอยู่ในช่วงปิดเทอมของโรงเรียน รวมทั้งวัดต่างๆ ที่ถูกน้ำท่วม เช่น วัดน้ำผุดใต้ วัดไพรสนฑ์ รวมทั้งวัดประสิทธิชัย (วัดท่าจีน) พระ เณร และเด็กวัด ได้ช่วยกันทำความสะอาด พร้อมกับขนเครื่องใช้ภายในวัดออกมาผึ่งแดด และสำรวจทรัพย์ที่เสียหายจากน้ำที่ท่วมขังเป็นเวลาหลายวัน
อย่างไรก็ตาม จากการที่ฝนตกน้ำท่วมสูงหลายวัน ส่งผลให้ชาวบ้านเริ่มขาดรายได้และอาหาร โดยเฉพาะกลุ่มกรรมกรผู้ใช้แรงงานจากต่างจังหวัด ได้นำอุปกรณ์จับสัตว์น้ำ เช่น เห่ อวน สวิง เข้าไปจับสัตว์น้ำภายในวัด แม้ว่าจะเป็นเขตอภัยทานก็ตาม ด้วยการจับปลาไปปรุงเป็นอาหาร และนำไปขายเพื่อเลี้ยงชีพ ในช่วงที่น้ำท่วมติดต่อกันหลายวัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นปลาที่หลุดจากบ่อเลี้ยงในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมานั่นเอง
