กระบี่ - นายทุนไทย-มาเลย์กว้านซื้ออาคารพาณิชย์ในกระบี่ ดัดแปลงสร้างบ้านนกนางแอ่น พร้อมเปิดเสียงเรียกนกทั้งวันทั้งคืน ชาวบ้านทนไม่ไหวเตรียมย้ายบ้านหนี หลังร้องเรียนไปหลายหน่วยงานให้ช่วยแก้ปัญหาแล้ว แต่กลับไม่มีความคืบหน้า ซ้ำร้ายเจ้าของบ้านนกเตรียมผุดคอนโดนกกลางหมู่บ้านอีก
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนว่า ภายในหมู่บ้านจัดสรรบ้านโคกแซะ หมู่ที่ 3 ต.คีรีวง อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ได้มีนายทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้ามากว้านซื้ออาคารพาณิชย์ 2 ชั้นที่ยังว่าง เพื่อดัดแปลงเป็นบ้านนกนางแอ่น มีการต่อเติม กระโจมหรือหอคอย และวางระบบเสียงเรียกนกกระโจมละ 2-3 ตัว เพื่อดึงดูดนกนางแอ่นให้เข้ามาในบ้าน เสียงเรียกนกจากลำโพงเป็นเสียงที่สูงแหลม ดังตลอดเวลา การเปิดเสียงเรียกไม่ได้กำหนดความดัง เจ้าของบ้านนกจึงเปิดตามความพอใจของตนเอง สร้างความรำคาญให้แก่ผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก
ชาวบ้านรายหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ เล่าว่า การเปิดเสียงเรียกนก ดังอยู่ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะเสียงในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นเวลาดึกสงัด เสียงเรียกนกดังจนนอนไม่หลับ ส่งผลให้เป็นปัญหามลพิษทางเสียงต่อชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิต สมาธิการทำงานและการพักผ่อนในเวลากลางคืนทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ
โดยมีอาคารพาณิชย์ที่ดัดแปลงทำบ้านนก จำนวน 13 หลัง กำลังดำเนินการดัดแปลงอีก 1 หลัง เป็นของคนไทย 10 ราย ของคนมาเลเซีย 2 ราย และกำลังจะสร้างเป็นคอนโดนก 4 ชั้น อีก 1 หลัง
ชาวบ้านรายเดิม เล่าต่อว่า ปัญหาดังกล่าวเรื้อรังมานานหลายปี ชาวบ้านได้ให้เจ้าของหมู่บ้านจัดสรรบอกให้เจ้าของบ้านนกทุกหลังลดเสียงลง ในเวลากลางวันและปิดเสียงทุกชนิดในเวลากลางคืน แต่เจ้าของหมู่บ้านบอกได้เพียงเจ้าของบ้านนกบางคนเท่านั้น ปัญหานี้จึงยังคงอยู่ ต่อมาชาวบ้านจึงได้ขอร้องเจ้าของบ้านนกให้ปิดเสียงลำโพงด้านนอกตอนกลางคืนในเวลา 19.00 น. และปิดเสียงลำโพงด้านในทั้งหมดในเวลา 19.00-06.00 น. แต่เจ้าของบ้านนกได้ปิดเสียงลำโพงด้านนอกในเวลา 19.45 น. ส่วนเสียงข้างในบ้านนกไม่มีการปิด เพียงแต่บอกว่าเบาลงแล้ว แต่ในความเป็นจริงยังดังอยู่ตลอดเวลาในยามกลางคืน
ชาวบ้านจึงได้รวมตัวกันร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเดือนมกราคม พ.ศ.2554 ฝ่ายควบคุมมลพิษ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มาตรวจสอบการเปิดเสียงเรียกนกในตอนกลางวันและสอบถามชาวบ้านบางส่วน แต่ไม่พบเจ้าของบ้านนกแม้แต่รายเดียว และนอกจากนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาขององค์การบริหารส่วนตำบลคีรีวง ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ รับปากจะมาตรวจสอบการดัดแปลงการก่อสร้าง การขออนุญาตและจะมาฟังเสียงตอนกลางคืน แต่ก็ไม่เคยมาแต่ครั้งเดียว
ต่อมาเจ้าหน้าที่จากสำหนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ ได้เข้าพบนายกองค์การบริหารส่วนตำบลคีรีวง ให้แก้ไขปัญหาเสียงรบกวนจากการเปิดเสียงเรียกนก ซึ่งเป็นเสียงที่ก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงได้ และเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (นายวิจิตร ธัญญานิติ) ได้ออกหนังสือเชิญผู้ประกอบการเลี้ยงนกนางแอ่นเข้าประชุมเพื่อแก้ไขปัญหา แต่หนังสือเชิญประชุมได้นำมาติดตามบ้านของชาวบ้านทุกหลังในหมู่บ้านจัดสรร ไม่ได้ติดตามบ้านนกนางแอ่น เจ้าของบ้านนกจึงไม่ทราบเรื่องและไม่เข้าร่วมประชุม ปัญหาจึงยังไม่ได้รับการแก้ไข
หลังจากนั้นวันที่ 1-3 มีนาคม 2554 ได้มีเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาดำเนินการตรวจวัดเสียง เพื่อนำผลการตรวจวัดไปประมวลผลว่าเสียงเรียกนกในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้เกินมาตรฐานหรือไม่แต่จนวันนี้ก็ยังไม่มีผลการตรวจวัดออกมา เมื่อเจ้าของบ้านนกรู้เรื่องนี้ จึงเร่งการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ห้องที่ซื้อไว้ และซ้ำร้ายไปกว่านั้นคอนโดนก 4 ชั้น ได้ผุดขึ้นด้านท้ายของหมู่บ้าน ห่างจากบ้านของชาวบ้านแค่ไม่ถึง 20 เมตร
และเจ้าของบ้านนกรายเดียวกันกันนี้ยังได้ซื้อที่ดินห้องติดกับบ้านและที่ติดของชาวบ้าน เพื่อยกคอนโด 4 ชั้นอีกหลัง ในกลางหมู่บ้านจัดสรร การรีบร้อนสร้างคนโดนกเป็นสิ่งผิดปกติอย่างยิ่ง นำมาซึ่งความสับสน หวาดกลัวไปต่าง ๆ นานาของชาวบ้าน ที่เริ่มได้ยินได้ฟังข่าวจากสื่อต่าง ๆ ว่า การสร้างบ้านนกนางแอ่นมีผลกระทบทางเสียงจนทำให้หูตึง หรืออาจสุ่มเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อทางปอดและสมอง มีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กเล็ก
ชาวบ้านในหมู่บ้านจัดสรรบ้านโคกแซะ กำลังตกอยู่ในชะตากรรมอันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ บางคนถึงขนาดท้อ อยากจะขายบ้านขายที่ดินไปอยู่ที่อื่น บางคนหมดความหวังและไม่มีแนวทางจะแก้ไขเรื่องนี้ ได้แต่พูดคุยปรับทุกข์กัน ชาวบ้านต้องการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงมาแก้ไขปัญหานี้ ก่อนที่จะกลายเป็นชุมชนร้าง