“มาร์ค” ย้ำ รบ.พร้อมสนับสนุนการออกโฉนดชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงให้ชุมชน ระบุ ทุกหน่วยงานต้องช่วยร่วมมือกัน เพื่อหาทางออกให้มีแนวทางสอดคล้องกับกฎหมายและนโยบาย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานสักขีพยานพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน เพื่อดำเนินงานโฉนดชุมชน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ.2553 ระหว่าง 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย นางเบญจา หลุยเจริญ รองปลัดกระทรวงการคลัง นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย นางศิริรัตน์ อายุวัฒน์ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายเฉลิมพร พิรุณสาร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุรงค์ ปัญญาดิลก ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายชาตินัย เนาวภูติ รองปลัดกรุงเทพมหานคร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การลงนามในวันนี้เป็นการขับเคลื่อนนโยบายในเรื่องของโฉนดชุมชน เพื่อที่จะให้การดำเนินงานด้านนโยบายโฉนดชุมชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี สามารถที่จะดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น โดยนโยบายเรื่องโฉนดชุมชนมีความสำคัญมาก เพราะเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งในเรื่องความขัดแย้ง และที่ทำกินในรูปแบบใหม่ ซึ่งรัฐบาลได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลักคิดที่จะให้ประชาชนในชุมชนสามารถที่จะรวมตัวกันจัดระบบการบริหารจัดการ และสามารถที่จะเข้ามามีกรรมสิทธิ์ในฐานะของชุมชน เพื่อที่จะได้ดูแลว่าที่ดินที่ได้มีการมอบกรรมสิทธิ์ให้แก่ชุมชนนั้น นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ ไม่ถูกยักย้ายถ่ายเท โอนเปลี่ยนมือไป ซึ่งนอกเหนือจากจะเป็นการสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ประชาชนและชุมชนแล้ว ยังเป็นการดูแลรักษาพื้นที่ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการใช้ที่ดิน
“ผมมีโอกาสมอบโฉนดชุมชนใบแรกที่คลองโยงก็เห็นได้ชัดว่า นอกเหนือจากเป็นเรื่องของการสร้างความมั่นใจให้แก่พี่น้องซึ่งบางครอบครัวอยู่มาหลายชั่วคนแล้ว ก็ยังเป็นหลักประกันในเรื่องที่จะทำให้พื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ที่สามารถดำรงไว้ในเรื่องของการใช้เพื่อการเกษตร ไม่ถูกนำไปเปลี่ยนเป็นบ้านจัดสรร โรงงาน ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ และขณะนี้จะได้รับการส่งเสริมสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการออกโฉนดชุมชนให้สามารถที่จะนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีอีกเกือบ 200 ชุมชน ที่ได้ยื่นเรื่องเข้ามา ซึ่งถ้าหากเราสามารถดำเนินการในพื้นที่เหล่านี้ได้ จะช่วยประชาชนได้มากกว่า 100,000 คน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนและเกษตรกรต่อไป อย่างไรก็ตาม ทราบดีว่าการทำงานในเรื่องโฉนดชุมชนยังมีปัญหาอุปสรรคเรื่องกฎหมาย กฎระเบียบของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความไม่มั่นใจ แต่ด้วยนโยบายที่มีความชัดเจน และรัฐบาลนี้ยึดถือเรื่องของระบบนิติรัฐ ที่ให้ความมั่นใจว่าการดำเนินการทุกอย่างจะต้องมีฐานทางกฎหมายที่รองรับ แต่หน่วยงานก็ต้องมาแลกเปลี่ยนร่วมมือกัน พบปัญหาอุปสรรคใดๆ จะได้มาหาทางออกร่วมกันที่เป็นไปตามแนวทางที่สอดคล้องกับกฎหมายและนโยบาย