ผบ.ทบ.เตรียมปรับแผนกวาดล้างสิ่งผิด กม.-ยาเสพติดใหม่เพื่อตัดกำลังเครือข่ายโจรใต้

ปัตตานี - ผบ.ทบ.เผยเตรียมปรับโครงสร้างกวาดล้างเครือข่ายสิ่งผิดกฎหมายทั้งยาเสพติดและน้ำมันเถื่อนใหม่ เพื่อตัดกำลังกลุ่มผู้ก่อความรุนแรง พร้อมเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ฝ่ายในพื้นที่ 3 จชต.ทำงานเชิงรุกในทุกมิติ

ภายหลังการประชุมร่วมกับกองกำลังทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เดินทางไปรับฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานของชุดเฝ้าระวังทางอากาศ และเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของเรือเหาะก่อนที่จะเดินทางไปเยี่ยมราษฎรชุมชนไทยพุทธในพื้นที่ บ้านใหญ่ ต.คอกกระบือ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี

ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ระบุว่า จากการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายและกองกำลังหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ก็ได้มีการประเมินปัญหาสาเหตุเพื่อปรับยุทธวิธีให้เหมาะกับสถานการณ์ เพราะผู้ก่อความรุนแรงพยายามที่จะก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหน่วยกำลังก็ได้พยายามเข้าสู่พื้นที่มีความรุนแรง 217 หมู่บ้านโดยการพบปะทำความเข้าใจ และใช้มาตรการทางกฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อความรุนแรง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐจะได้เข้าไปทำงานด้านการพัฒนา โดยได้มีการดูแลในเรื่องของต้นตอของปัญหา ประวัติศาสตร์ ยาเสพติด น้ำมันเถื่อน เพราะที่ผ่านมามีการจับกุมน้ำมันเถื่อน และยาเสพติด ซึ่งมีเครือข่ายเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อความรุนแรงในการขยายการก่อเหตุ

นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มความเข้มข้นในพื้นที่ 217 หมู่บ้าน โดยมีการประสานความร่วมมือกับ ศบ.ชต.และพยายามที่จะให้ อส. ชรบ. และ อรบ. สามารถดูแลชุมชนได้

ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทั้งการก่อเหตุระเบิดและทำร้ายประชาชน รวมไปถึงปล้นร้านทอง ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เฉพาะเรื่องของผู้ก่อความรุนแรง แต่มันเชื่อมโยงกับอาชญากรรม ซึ่งได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ ทหาร และ อส.ในการเพิ่มความเข้ม โดยเฉพาะด่านตรวจหลัก ด่านตรวจลอยและจะมีการเพิ่มการติดตั้งกล้อง CCTV

นอกจากนี้จะต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ในเรื่องการชี้แจง กรณีที่ผู้ก่อความรุนแรงพยายามจะสร้างสถานการณ์ด้วยการทำร้ายผู้นำทั้ง 2 ศาสนา เพื่อต้องการทำให้เกิดความหวาดระแวงต่อกัน และอีกทั้งยังเป็นการลดความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่

ในส่วนของเรื่องการเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความรุนแรง ผบ.ทบ. ระบุว่า มี 5-6 กลุ่มที่พยายามดำเนินการเรื่องนี้ แต่ในทางกฎหมาย ยังไม่สามารถเจรจาได้ เพราะถือว่าเป็นการก่อการร้ายและเท่ากับเป็นการยกระดับให้กับกลุ่มก่อการร้าย ที่ผ่านมากลุ่มผู้ก่อความรุนแรงพยายามสร้างสถานการณ์เคลื่อนไหว เพื่อที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู้เวทีระดับโลก ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นประเทศไทยสามารถแก้ปัญหาเองได้