รมว.กห.เผยคุย 4 ส.ส.ใต้ ไล่ “ประยุทธ์” พ้น ผบ.ทบ.แล้ว ไม่มีปัญหา ยันรุ่นน้องลงพื้นที่ทุกสัปดาห์ ทำทุกหนทาง อ้างโจรมียุทธวิธีใหม่ บอกถ้าสงสัยให้ไปคุยกับเจ้าตัว ยั่นทหารตั้งใจทำให้สงบ เบรก ตท.20 ตบเท้า - โฆษก กห.เผย ผบ.ทบ.สั่งเข้มตรวจด่าน พื้นที่สงสัย ยันจับทั้งยา น้ำมันเถื่อนได้ ย้ำพวกบึ้มหวังโชว์พาวโอไอซี พร้อมแลกข่าวมาเลย์
วันนี้ (25 ก.พ.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ 4 ส.ส.ใต้พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุให้ปลด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ออกจากตำแหน่ง เพราะทำหน้าที่แก้ไขปัญหาภาคใต้ล้มเหลว ว่า ตนได้พูดกับ ส.ส.กลุ่มที่ออกมาวิจารณ์การทำงานของ ผบ.ทบ.แล้วได้บอกว่า ผบ.ทบ.ได้ลงพื้นที่ทุกสัปดาห์เพื่อไปดูแลสถานการณ์ และประชุมทุกวันเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภาคใต้ แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อมียุทธวิธีใหม่ๆเกิดขึ้นตลอดเวลา เราก็ต้องพยายามทำ ทั้งการหาข่าวในเชิงลึก ซึ่งทุกอย่างเราทำหมดแล้ว ทั้ง 6 มาตราการต่างๆก็ทำไปหมดแล้ว และเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในพื้นที่ภาคใต้ เขาก็ทำงานทุกวันเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ดังนั้นเมื่อได้คุยกับส.ส.แล้วคงไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า เป็นการเข้าใจผิดกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะเข้าใจผิดหรือไม่เข้าใจผิด แต่สถานการณ์ในพื้นที่ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ทุกคน และ ส.ส.ต้องการให้เกิดความสงบ แต่พอมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเขาก็มีความกังวลก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เพียงแต่คำพูดเท่านั้นมีเจตนาอย่างนั้นหรือไม่ ซึ่งภายหลังจากที่ได้คุย ส.ส.ที่ออกมาวิจารณ์ เขาก็บอกไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น เราก็ไม่ติดใจอะไร เพราะคนเรามีความคิดแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม ถ้าสงสัยอะไรให้ไปคุยกับ ผบ.ทบ.
เมื่อถามว่า น้อยใจหรือไม่ ที่ฝ่ายการเมืองวิจารณ์การทำงานกองทัพ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนก็ไม่ได้ถามว่าเขาน้อยใจหรือไม่น้อยใจ แต่ตนรู้ว่าทหารทุกคนในกองทัพ ตั้งใจทำงานเพื่อให้เกิดความสงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการดูแลประชาชนให้เกิดความสงบเรียบร้อย ดังนั้นต้องคิดเอาเอง ระหว่างคนทำงานกับคนพูด เมื่อถามว่า มีกลุ่มนายทหาร ตท.รุ่น20 จะตบเท้าให้กำลังใจ ผบ.ทบ. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงไม่มีการเคลื่อนไหว เพราะ ผบ.ทบ.ก็มีกำลังใจดีอยู่แล้ว
ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานในการประชุมว่า ในที่ประชุมมีการพูดถึงสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) มีการชี้แจงสรุป เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับสมาชิกสภากลาโหมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีการสรุปผลงานที่เกิดขึ้น และมีการชี้แจงถึงการสั่งการของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าให้มีการปรับและเพิ่มเติมในเรื่องของความเข้มข้นที่จะให้หน่วยปฏิบัติลงไปยังพื้นที่ป่าภูเขา และพื้นที่ต้องสงสัย รวมถึงการจัดจุดตรวจด่านตรวจให้มีความถี่มากขึ้นในพื้นที่เขตเมือง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีการสรุปตัวเลขในการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลังจากที่มีการเพิ่มความเข้มข้น โดยสามารถจับกุมได้ 47 คน และจับกุมยาเสพติดกว่า 1 แสนเม็ด รวมถึงน้ำมันเถื่อนประมาณ 2 แสนลิตร
พ.อ.ธนาธิป กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวได้มีการประเมินถึงด้านการข่าวว่า มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุที่ผ่านมาน่าจะเป็นการสร้างกระแสความรุนแรงให้เกิดขึ้น เพื่อจะนำเรื่องดังกล่าวไปประชุมในเวทีโอไอซีที่จะมีขึ้นในช่วงนี้ และหลังจากมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดูแลและกวาดล้างจับกุมเป็นเหตุให้ใน หลายพื้นที่บริเวณป่าภูเขา ถูกฝ่ายเจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมและทำลายจึงทำให้เกิดการตอบโต้ นอกจากนี้ ยังเป็นการตัดช่องทางเครือข่ายของกลุ่มประชาชนที่มีส่วนร่วมกับทาง เจ้าหน้าที่ของรัฐ อย่างไรก็ตาม ผบ.ทบ.ยังได้ชี้แจงว่า เรื่องการข่าวเป็นสิ่งที่สำคัญ และจะต้องมีการปรับให้มีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทั้ง รมว.กลาโหมผบ.ทบ.แม่ทัพภาคที่ 4 ปัจจุบันได้มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารกับทางฝั่งมาเลเซียโดยตลอด
พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ลอบวางระเบิดที่ผ่านมามีแนวโน้ม และมีความพยายามที่จะมีการวางระเบิดในพื้นที่ของชุมชนเมืองมากกว่า 2 ครั้ง เพียงแต่ไม่สามารถที่จะทำได้ อย่างไรก็ตามการวางจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ อาจจะทำให้ประชาชนเกิดความลำบาก แต่เรามีการผ่อนปรนในบางจุด ซึ่งคงเป็นสาเหตุหนึ่งที่เป็นช่องว่าง ซึ่งผู้ก่อความไม่สงบพยายามใช้ช่องว่างดังกล่าวเข้ามาก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความตั้งใจในการทำงาน หากประชาชนมีข้อมูลที่จะสามารถสนับสนุนการทำงานของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้ ก็สามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบได้ และใครที่สงสัยต้องการที่จะช่วยแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ก็พร้อมที่จะรับฟังและให้ข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งนี้ทาง รมว.กลาโหมและ ผบ.ทบ.ได้ให้ความสนใจต่อการแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ยังมีการวางเครือข่ายข้อมูลข่าวสารทั้งฝั่งเราและมาเลเซีย
