ตรัง - ชาวตรังเศร้าโศกต่อการจากไปของคุณแม่ถ้วน หลังต้องสูญเสียปูชนียบุคคลที่สำคัญไป โดยเฉพาะคนในพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยกย่องว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของพรรค ซึ่งเป็นผู้ผลักดันการเลือกตั้งให้คนในพรรคมาโดยตลอด และทำให้นายชวนได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่บ้านพักเตรียมสถานที่ในการจัดงานศพ
วันนี้ (2 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศที่บ้านพักเลขที่ 183 ถนนวิเศษกุล ตำบลทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง หลังจากที่ทราบข่าวการจากไปของ คุณแม่ถ้วน หลีกภัย ปรากฏว่า ในส่วนของทางครอบครัวหลีกภัย นำโดย นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตรัง ในฐานะลูกชายคนโต และนายระลึก หลีกภัย ในฐานะลูกชายคนสุดท้องต้องวุ่นวายกับการประสานงานในด้านต่างๆ
รวมทั้งเร่งตระเตรียมสถานที่บริเวณรอบบ้านพัก ซึ่งมีเนื้อที่อยู่ประมาณ 5 ไร่ เพื่อเบื้องต้นจะใช้เป็นสถานที่จัดงานบำเพ็ญกุศลศพ เช่น มีการนำเต็นท์ โต๊ะ เก้าอี้ มาวางเตรียมการตามจุดต่างๆ รวมทั้งทำความสะอาดบริเวณรอบบ้านพักเป็นการเร่งด่วน โดยยังมีการนำภาพถ่ายของ คุณแม่ถ้วน มาวางไว้บนโต๊ะกลางลานบ้าน
ทั้งนี้ ได้มีนักการเมืองส่วนท้องถิ่น ทั้งในระดับเทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เช่น นายชาลี กางอิ่ม นายกเทศมนตรีนครตรัง, ร.ต.ต.ชวน พลเดช นายกเทศมนตรีตำบลคลองเต็ง รวมทั้งข้าราชการในระดับต่างๆ ที่เคารพนับถือ นายชวน และครอบครัวหลีกภัย ตลอดจนนักธุรกิจ หัวคะแนน และประชาชนชาวตรัง ที่รับทราบข่าวต่างทยอยกันเดินทางยังบ้านบนถนนวิเศษกุล จำนวนหลายร้อยคน ซึ่งต่างก็จับกลุ่มพูดคุยถึงการจากไปของคุณแม่ถ้วนอย่างกะทันหันโดยที่ไม่มีข่าวการป่วยอย่างรุนแรงใดๆ มาก่อน บางคนก็มีสีหน้าเศร้าหมองและร้องไห้ด้วยเสียใจต่อการจากไปของปูชนียบุคคลสำคัญของชาวตรังในครั้งนี้
ขณะที่ สภ.เมืองตรัง ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยดูแลความปลอดภัย และความสะดวก ทั้งภายในบ้านพัก และบริเวณหน้าบ้านพัก
นายแพทย์สุกิจ อัถโถปกรณ์ ส.ส.ตรัง เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คุณแม่ถ้วน ถือเป็นขวัญกำลังใจและจุดรวมจิตใจของพรรคประชาธิปัตย์ สำหรับบรรดา ส.ส. หัวคะแนน และผู้สนับสนุนในจังหวัดตรัง โดยเฉพาะในยุคแรกๆ ของการเลือกตั้ง จะใช้บ้านพักบนถนนวิเศษกุล เป็นศูนย์บัญชาการ ซึ่งคุณแม่ถ้วนถือว่ามีบทบาทอย่างมากในการหาเสียงทางอ้อม โดยเฉพาะการดูแลความเรียบร้อยต่างๆ และการจัดทำอาหารมาเลี้ยง
อีกทั้งบางครั้งยังถึงขั้นช่วยขึ้นเวทีปราศรัย และเดินหาเสียงไปตามพื้นที่ต่างๆ ด้วย นับเป็นกองหนุนสำคัญให้กับนายชวน เป็นอย่างดีมาโดยตลอด รวมทั้งช่วยสอนหรือแนะนำผู้สมัคร ส.ส.แต่ละคน แม้กระทั่งตนเองเมื่อครั้งลงสมัคร ส.ส.ตรังสมัยแรก เมื่อปี 2529 จนมีส่วนให้พรรคประชาธิปัตย์ประสบความสำเร็จยาวนานมาถึงวันนี้
นายแพทย์สุกิจกล่าวอีกว่า ในยุคเมื่อปี 2512 สมัยที่นายชวนลงสมัคร ส.ส.ครั้งแรก ตรงกับยุคที่จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งใครๆ ก็รู้ดีว่าสถานการณ์บ้านเมืองขณะนั้นเป็นอย่างไร และโอกาสที่ลงเล่นการเมืองแล้วประสบความสำเร็จทำได้ยากมาก แต่คุณแม่ถ้วนกลับมองเห็นถึงความสำคัญของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป ด้วยการสนับสนุนให้ลูกชายคนที่ 3 ของครอบครัวลงสมัคร ส.ส.
ในขณะที่แม่คนอื่นๆ จะสนับสนุนให้ลูกที่เรียนจบกฎหมายไปเป็นผู้พิพากษามากกว่า ถึงขั้นที่ คุณแม่ถ้วนลงทุนลงแรงช่วยลูกชายหาเสียงด้วยตนเองอย่างเต็มที่ จนกระทั่งสามารถผลักดันให้นายชวนประสบความสำเร็จอย่างมาก จนสามารถก้าวขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีได้ถึง 2 สมัย
นายแพทย์สุกิจกล่าวด้วยว่า ต้องยอมรับความจริงว่า คุณแม่ถ้วนเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้นายชวนเติบโตทางการเมืองสูงสุดในระดับชาติ และทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลหลายสมัย จนกระทั่งในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมาหลังจากสถานการณ์การเมืองดีขึ้น และตรงกับยุคที่นายชวนเป็นนายกรัฐมนตรี คุณแม่ถ้วนจึงค่อยๆ ลดบทบาททางการเมืองลง ไม่ถึงขั้นออกไปขึ้นเวทีปราศรัยหรือเดินหาเสียงเหมือนก่อน แต่จะใช้วิธีการอยู่ประจำศูนย์บัญชาการที่บ้านพัก เพื่อคอยต้อนรับแขกที่เดินทางเข้ามาวันหนึ่งๆ เป็นจำนวนมาก รวมทั้งดูแลเรื่องอาหารการกิน หรือน้ำชากาแฟ ประกอบกับคุณแม่ถ้วนเริ่มมีปัญหาด้านสุขภาพทำให้เดินไปไหนมาไหนไม่ค่อยจะสะดวก เช่นเดียวกับผู้สูงอายุโดยทั่วไป
ทั้งนี้ ใครๆ ก็ตามที่เดินทางมายังบ้านพักของท่านชวน จะต้องเห็นภาพของคุณแม่ถ้วนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวโปรด ประจำตำแหน่ง บริเวณข้างบ้าน เพื่อคอยต้อนรับและทักทายผู้คนที่เข้าไปเยือน พร้อมเชื้อเชิญให้ไปทานโน่นทานนี่ หรือนั่งพักผ่อนตามจุดต่างๆ ในบ้านพัก ถือเป็นภาพชินตาที่อยู่กับชาวตรังมาเป็นเวลายาวนาน
กระทั่งในช่วง 3 ปีหลังมานี้ คุณแม่ถ้วน เริ่มมีอาการป่วย และมีอาการหลงๆ ลืมๆ บรรดาลูกๆ จึงหารือกันและเห็นควรนำคุณแม่ขึ้นไปดูแลที่กรุงเทพฯ เพื่อจะได้เกิดความสะดวกในการไปพบหมอที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งหลังจากนั้นคุณแม่ถ้วนก็มีโอกาสกลับมายังจังหวัดตรังแค่เพียงไม่กี่ครั้ง ก่อนที่ต่อมาจะไปอยู่กับลูกสาวที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง นับแต่นั้นมาชาวตรังจึงไม่ได้เห็นภาพคุณแม่ถ้วนภายในบ้านพักอย่างที่เคยเป็น
ส.ส.ตรัง เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่า แม้วันนี้ชาวตรังจะต้องสูญเสียคุณแม่ถ้วนไป แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังคงอยู่ต่อไปตราบอีกนานเท่านาน เพราะด้วยบารมีของ นายชวน และบรรดา ส.ส. รวมทั้งหัวคะแนน และผู้สนับสนุน จะยังคงทำให้พรรคแข็งแกร่งและเหนียวแน่นต่อไป อีกทั้งการที่คู่แข่งใดๆ จะมาต่อกรกับพรรคประชาธิปัตย์ ในจังหวัดตรัง คงเป็นไปได้ยาก
เพียงแต่ก็ยอมรับว่าการจากไปของคุณแม่ถ้วน ย่อมมีผลทางด้านจิตใจต่อบรรดา ส.ส.แกนนำ หัวคะแนน หรือผู้สนับสนุน อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่มีอายุรุ่นราวความเดียวกับ คุณแม่ถ้วน และมีความผูกพันทางการเมืองมาตั้งแต่สมัยยุคแรกๆ แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อสร้างพรรคประชาธิปัตย์ให้อยู่คู่กับจังหวัดตรังต่อไป