โดย : ปิ่น บุตรี
คอลัมน์นี้ขอไว้อาลัยต่อการจากไปของคุณแม่ถ้วน หลีกภัย มารดาของอดีตนายกฯชวน หลีกภัย ที่จากไปอย่างสงบด้วยโรคชราในวัย 99 ปี
1…
สมัยอดีตเมื่อครั้ง นายกฯชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง ช่วงนั้นผมยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ และด้วยความห้าวเป้งทำให้ผมกับเพื่อนๆแก๊ง “ไม่มีตังค์แต่ดันทุรังอยากเที่ยว” ล่องใต้โบกรถเที่ยวไปถึงเมืองตรัง
ในวันสุดท้ายก่อนกลับ พวกเราเหลือเพียงแค่ตั๋วรถทัวร์ขากลับที่จองไว้กับสตางค์อีกนิดหน่อย เพื่อนผมบางคนจึงเกิดไอเดียว่า ถ้าไม่เหลือสตางค์ค่าข้าวจริงๆ จะไปขอกินข้าวฟรีที่บ้านแม่ถ้วน เพราะช่วงนั้นเป็นที่รู้กันดีว่า ใครที่อยู่ตรังแล้วถ้าต้องการความช่วยเหลือให้ไปที่บ้านแม่ถ้วนได้
แต่สุดท้ายรถคันที่พวกเราโบกจากหาดปากเมงเข้าเมืองตรัง พี่คนขับแกใจดีมาก พาพวกผมไปเลี้ยงข้าวพร้อมขับรถไปส่งให้ถึงท่ารถ ทำให้ไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้น
กระทั่งเมื่อเรียบจบทำงานทำการแล้วนั่นแหละ ผมจึงมีโอกาสไปเยือนบ้านแม่ถ้วนครั้งแรกเมื่อหลายปีที่แล้ว
2...
บ้านแม่ถ้วนหรือที่หลายคนเรียกว่าบ้านนายกชวนหรือบ้านนายหัวชวน ตั้งอยู่ริมถนนวิเศษกุล อ.เมือง ตรงข้ามกับโรงเรียนสภาราชินี เป็นบ้านนักการเมืองที่ดูแตกต่างจากบ้านนักการเมืองทั่วไป เพราะไม่มีรั้วใหญ่โต ไม่ได้ดูหรูหราใหญ่โต ไม่มีสมุนบริวารมายืนแอ๊คคอยกีดกั้นผู้ที่จะเข้าไปเยือนในบ้าน ซึ่งดูๆไปก็คล้ายกับพฤติกรรมของนายกฯชวนที่สมถะ ซื่อสัตย์ แตกต่างไปจากนักการเมืองทั่วไป
เมื่อมาถึงบ้านแม่ถ้วนสิ่งแรกที่ผมกับชาวคณะทำก็คือ ตรงไปขอคารวะเยี่ยมเยือนแม่ถ้วนเจ้าของบ้าน ซึ่งหลังจากเราเข้าไปสักพัก คุณกิจ หลีกภัย พี่ชายนายกฯชวนก็จูงมือแม่ถ้วนออกมาให้การต้อนรับบนเก้าอี้ไม้ตัวโปรดของท่าน
สำหรับแม่ถ้วนแล้ว ถือเป็นปูชนียบุคคลที่สำคัญคนหนึ่งของเมืองตรัง ท่านเป็นคนไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน เป็นชาวตรังโดยกำเนิด เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2455
ในวัยเด็กแม่ถ้วนช่วยพ่อพ่อทำมาหากินสารพัด จนเมื่อโตขึ้นได้แต่งงานกับครูนิยม หลีกภัย ก่อนมีลูกด้วยกัน 9 คน เป็นชาย 6 หญิง 3 โดยมีนายกฯชวนเป็นลูกคนที่ 3
แม่ถ้วนได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนายกฯชวน โดยก่อนที่นายกฯชวนจะขึ้นมาครองใจของชาวใต้ ท่านช่วยนายชวน(สมัยนั้น)หาเสียง ทั้งเดินหาเสียงขึ้นเวทีปราศรัย จนเมื่อนายชวนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แม่ถ้วนจึงถอยบทบาทออกมาเป็นคนคอยรับแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยือนเมืองตรัง เพราะช่วงที่นายกฯชวนยังอยู่ในตำแหน่งนั้น หัวกระไดบ้านแม่ถ้วนแทบไม่เคยแห้งเลย อีกทั้งท่านยังเป็นผู้ให้คำปรึกษา คำแนะนำ แก่ผู้ที่เข้ามาขอคำปรึกษาในบ้านท่าน รวมถึงให้ความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆแก่ผู้เดือดร้อนที่มาขอให้ท่านช่วย
นายแพทย์สุกิจ อัถโถปกรณ์ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคารพนับถือและคุ้นเคยกับแม่ถ้วนเป็นอย่างดี ได้กล่าวอาลัยแม่ถ้วนผ่านสื่อเอาไว้ว่า
“ต้องยอมรับความจริงว่า คุณแม่ถ้วนเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้นายชวนเติบโตทางการเมืองสูงสุดในระดับชาติ และทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลหลายสมัย จนกระทั่งในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา หลังจากสถานการณ์การเมืองดีขึ้น และตรงกับยุคที่คุณชวน เป็นนายกรัฐมนตรี คุณแม่ถ้วนจึงค่อยๆลดบทบาททางการเมืองลง ไม่ถึงขั้นออกไปขึ้นเวทีปราศัยหรือเดินหาเสียงเหมือนก่อน แต่จะใช้วิธีการอยู่ที่บ้านพัก เพื่อคอยต้อนรับแขก”
“ใครๆก็ตามที่เดินทางมายังบ้านพักของท่านชวน จะต้องเห็นภาพของแม่ถ้วน นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวโปรด ประจำตำแหน่งบริเวณข้างบ้าน เพื่อคอยต้อนรับและทักทายผู้คนที่เข้าไปเยือน พร้อมเชื้อเชิญให้ไปทานโน่นทานนี่ หรือนั่งพักผ่อนตามจุดต่างๆในบ้านพัก ถือเป็นภาพชินตาที่อยู่กับชาวตรังมาเป็นเวลายาวนาน”
“กระทั่งในช่วง 3 ปีหลังมานี้ คุณแม่ถ้วนเริ่มมีอาการป่วย และมีอาการหลงๆลืมๆ บรรดาลูกๆจึงหารือกันและเห็นควรนำคุณแม่ขึ้นไปดูแลที่กรุงเทพฯ เพื่อจะได้เกิดความสะดวกในการไปพบหมอที่โรงพยาบาลศิริราช หลังจากนั้น คุณแม่ถ้วนก็มีโอกาสกลับมาจังหวัดตรังเพียงไม่กี่ครั้ง ก่อนที่ต่อมาจะไปอยู่กับลูกสาวที่กรุงเทพฯอีกครั้งหนึ่ง นับแต่นั้นมาชาวตรังจึงไม่ได้เห็นภาพคุณแม่ถ้วนภายในบ้านพักอย่างที่เคยเป็น”
3...
แม้แม่ถ้วนจะได้ชื่อว่าเป็นคุณแม่นายกฯถึง 2 สมัย แต่ท่านยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ยังคงขายพุงปลาในตลาดสดไม่ต่างจากแต่ก่อน จนลูกหลายต้องขอร้องให้ท่านเลิกขายเพราะมีอายุมากแล้ว
ด้วยความที่แม่ถ้วนเป็นที่นับหน้าถือตาและเป็นที่เคารพรักอย่างสูงของชาวตรัง หลายๆคนจึงยกย่องให้ท่านเป็นผู้แทนตัวจริงเสียงจริงของเมืองตรัง
ในวันที่ผมไปเยือนบ้านแม่ถ้วน ช่วงนั้นแม่ถ้วนแม้อายุจะปาเข้าไป 90 กว่าปี แต่ยังคงดูสุขภาพแข็งแรง จะมีเป็นปัญหาบ้างก็เรื่องสายตาของท่านที่ถูกแฟลชถ่ายรูปอยู่เป็นนิจ จนทางบ้านต้องติดป้ายขอความกรุณาต่อทุกคนที่ไปเยือนว่าอย่าใช้แฟลชถ่ายรูปท่าน
แม่ถ้วนเป็นคนมีอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เป็นนิจ แม้อายุจะมากแล้ว แต่ท่านยังคงพูดจาตอบโต้ฉะฉาน แถมในวันนั้นยังเล่าเรื่องราวเล็กๆน้อยๆสับเพเหระให้ผมกับชาวคณะฟัง พร้อมกับให้ลูกชาย(คุณกิจ)นำขนมมาให้ทานแกล้มกับการแฟที่ท่านมีไว้เลี้ยงแขกเหรื่อผู้มาเยือน ก่อนเชิญชวนให้เดินชมบรรยากาศภายในบริเวณบ้าน
หลังคารวะแม่ถ้วนแล้ว คุณกิจพาผมและคณะออกเดินชมภายในบริเวณบ้านแม่ถ้วนที่มีพื้นที่ประมาณ 6 ไร่
ในบริเวณบ้านแม่ถ้วนร่มรื่นเขียวครึ้มไปด้วยแมกไม้น้อยใหญ่ในลักษณะสวนป่าน้อยๆ มีอาคารพักรับรองแขกผู้มาเยือน พร้อมร้ำดื่ม กาแฟ ท่ามกลางแมกไม้ มีมุมหนึ่งของบ้านเป็นกรงไก่กรงนก
นอกจากนี้ยังมีร่องรอยอดีตอย่าง ไหพุงปลาเก่า กระเบื้องเก่า รถจี๊บเก่าที่นายกฯชวนเคยขับหาเสียง และแผ่นไม้หาเสียงของนายชวนสมัยหนุ่มๆ(ก่อนเป็นนายกฯ)ที่ยังเป็นภาพวาดอยู่เลย
นับได้ว่าบ้านแม่ถ้วนเป็นหนึ่งในพื้นที่ประวัติศาสตร์เล็กๆของเมืองตรัง เป็นพื้นที่รับแขกบ้านแห่งเมืองตรัง ที่หากใครได้มาสัมผัสก็จะรู้สึกประทับใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ที่ไม่ชอบพรรคประชาธิปัตย์
4…
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผมมีโอกาสไปเยือนบ้านแม่ถ้วนอีก 2 ครั้ง
บรรยากาศภายในบริเวณบ้านแม่ถ้วนยังคงเป็นเช่นดังเดิม ผิดกันก็แต่ผมไม่ได้พบกับแม่ถ้วนเหมือนการเยือนครั้งแรก เนื่องจากท่านได้เดินทางขึ้นมารักษาตัวที่กรุงเทพฯ ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับในวันนี้ที่บ้านแม่ถ้วนไม่มีแม่ถ้วนอีกแล้ว และไม่มีตลอดไป
อย่างไรก็ตามแม้คุณแม่ถ้วนจะเดินทางจากลาล่วงสู่สัมปรายภพ แต่ผมเชื่อว่าท่านยังคงตราตรึงอยู่ในใจชาวตรัง และตราตรึงอยู่ในใจของใครหลายๆคนไปอีกนานเท่านาน
คอลัมน์นี้ขอไว้อาลัยต่อการจากไปของคุณแม่ถ้วน หลีกภัย มารดาของอดีตนายกฯชวน หลีกภัย ที่จากไปอย่างสงบด้วยโรคชราในวัย 99 ปี
1…
สมัยอดีตเมื่อครั้ง นายกฯชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง ช่วงนั้นผมยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ และด้วยความห้าวเป้งทำให้ผมกับเพื่อนๆแก๊ง “ไม่มีตังค์แต่ดันทุรังอยากเที่ยว” ล่องใต้โบกรถเที่ยวไปถึงเมืองตรัง
ในวันสุดท้ายก่อนกลับ พวกเราเหลือเพียงแค่ตั๋วรถทัวร์ขากลับที่จองไว้กับสตางค์อีกนิดหน่อย เพื่อนผมบางคนจึงเกิดไอเดียว่า ถ้าไม่เหลือสตางค์ค่าข้าวจริงๆ จะไปขอกินข้าวฟรีที่บ้านแม่ถ้วน เพราะช่วงนั้นเป็นที่รู้กันดีว่า ใครที่อยู่ตรังแล้วถ้าต้องการความช่วยเหลือให้ไปที่บ้านแม่ถ้วนได้
แต่สุดท้ายรถคันที่พวกเราโบกจากหาดปากเมงเข้าเมืองตรัง พี่คนขับแกใจดีมาก พาพวกผมไปเลี้ยงข้าวพร้อมขับรถไปส่งให้ถึงท่ารถ ทำให้ไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้น
กระทั่งเมื่อเรียบจบทำงานทำการแล้วนั่นแหละ ผมจึงมีโอกาสไปเยือนบ้านแม่ถ้วนครั้งแรกเมื่อหลายปีที่แล้ว
2...
บ้านแม่ถ้วนหรือที่หลายคนเรียกว่าบ้านนายกชวนหรือบ้านนายหัวชวน ตั้งอยู่ริมถนนวิเศษกุล อ.เมือง ตรงข้ามกับโรงเรียนสภาราชินี เป็นบ้านนักการเมืองที่ดูแตกต่างจากบ้านนักการเมืองทั่วไป เพราะไม่มีรั้วใหญ่โต ไม่ได้ดูหรูหราใหญ่โต ไม่มีสมุนบริวารมายืนแอ๊คคอยกีดกั้นผู้ที่จะเข้าไปเยือนในบ้าน ซึ่งดูๆไปก็คล้ายกับพฤติกรรมของนายกฯชวนที่สมถะ ซื่อสัตย์ แตกต่างไปจากนักการเมืองทั่วไป
เมื่อมาถึงบ้านแม่ถ้วนสิ่งแรกที่ผมกับชาวคณะทำก็คือ ตรงไปขอคารวะเยี่ยมเยือนแม่ถ้วนเจ้าของบ้าน ซึ่งหลังจากเราเข้าไปสักพัก คุณกิจ หลีกภัย พี่ชายนายกฯชวนก็จูงมือแม่ถ้วนออกมาให้การต้อนรับบนเก้าอี้ไม้ตัวโปรดของท่าน
สำหรับแม่ถ้วนแล้ว ถือเป็นปูชนียบุคคลที่สำคัญคนหนึ่งของเมืองตรัง ท่านเป็นคนไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน เป็นชาวตรังโดยกำเนิด เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2455
ในวัยเด็กแม่ถ้วนช่วยพ่อพ่อทำมาหากินสารพัด จนเมื่อโตขึ้นได้แต่งงานกับครูนิยม หลีกภัย ก่อนมีลูกด้วยกัน 9 คน เป็นชาย 6 หญิง 3 โดยมีนายกฯชวนเป็นลูกคนที่ 3
แม่ถ้วนได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนายกฯชวน โดยก่อนที่นายกฯชวนจะขึ้นมาครองใจของชาวใต้ ท่านช่วยนายชวน(สมัยนั้น)หาเสียง ทั้งเดินหาเสียงขึ้นเวทีปราศรัย จนเมื่อนายชวนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แม่ถ้วนจึงถอยบทบาทออกมาเป็นคนคอยรับแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยือนเมืองตรัง เพราะช่วงที่นายกฯชวนยังอยู่ในตำแหน่งนั้น หัวกระไดบ้านแม่ถ้วนแทบไม่เคยแห้งเลย อีกทั้งท่านยังเป็นผู้ให้คำปรึกษา คำแนะนำ แก่ผู้ที่เข้ามาขอคำปรึกษาในบ้านท่าน รวมถึงให้ความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆแก่ผู้เดือดร้อนที่มาขอให้ท่านช่วย
นายแพทย์สุกิจ อัถโถปกรณ์ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคารพนับถือและคุ้นเคยกับแม่ถ้วนเป็นอย่างดี ได้กล่าวอาลัยแม่ถ้วนผ่านสื่อเอาไว้ว่า
“ต้องยอมรับความจริงว่า คุณแม่ถ้วนเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้นายชวนเติบโตทางการเมืองสูงสุดในระดับชาติ และทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลหลายสมัย จนกระทั่งในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา หลังจากสถานการณ์การเมืองดีขึ้น และตรงกับยุคที่คุณชวน เป็นนายกรัฐมนตรี คุณแม่ถ้วนจึงค่อยๆลดบทบาททางการเมืองลง ไม่ถึงขั้นออกไปขึ้นเวทีปราศัยหรือเดินหาเสียงเหมือนก่อน แต่จะใช้วิธีการอยู่ที่บ้านพัก เพื่อคอยต้อนรับแขก”
“ใครๆก็ตามที่เดินทางมายังบ้านพักของท่านชวน จะต้องเห็นภาพของแม่ถ้วน นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวโปรด ประจำตำแหน่งบริเวณข้างบ้าน เพื่อคอยต้อนรับและทักทายผู้คนที่เข้าไปเยือน พร้อมเชื้อเชิญให้ไปทานโน่นทานนี่ หรือนั่งพักผ่อนตามจุดต่างๆในบ้านพัก ถือเป็นภาพชินตาที่อยู่กับชาวตรังมาเป็นเวลายาวนาน”
“กระทั่งในช่วง 3 ปีหลังมานี้ คุณแม่ถ้วนเริ่มมีอาการป่วย และมีอาการหลงๆลืมๆ บรรดาลูกๆจึงหารือกันและเห็นควรนำคุณแม่ขึ้นไปดูแลที่กรุงเทพฯ เพื่อจะได้เกิดความสะดวกในการไปพบหมอที่โรงพยาบาลศิริราช หลังจากนั้น คุณแม่ถ้วนก็มีโอกาสกลับมาจังหวัดตรังเพียงไม่กี่ครั้ง ก่อนที่ต่อมาจะไปอยู่กับลูกสาวที่กรุงเทพฯอีกครั้งหนึ่ง นับแต่นั้นมาชาวตรังจึงไม่ได้เห็นภาพคุณแม่ถ้วนภายในบ้านพักอย่างที่เคยเป็น”
3...
แม้แม่ถ้วนจะได้ชื่อว่าเป็นคุณแม่นายกฯถึง 2 สมัย แต่ท่านยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ยังคงขายพุงปลาในตลาดสดไม่ต่างจากแต่ก่อน จนลูกหลายต้องขอร้องให้ท่านเลิกขายเพราะมีอายุมากแล้ว
ด้วยความที่แม่ถ้วนเป็นที่นับหน้าถือตาและเป็นที่เคารพรักอย่างสูงของชาวตรัง หลายๆคนจึงยกย่องให้ท่านเป็นผู้แทนตัวจริงเสียงจริงของเมืองตรัง
ในวันที่ผมไปเยือนบ้านแม่ถ้วน ช่วงนั้นแม่ถ้วนแม้อายุจะปาเข้าไป 90 กว่าปี แต่ยังคงดูสุขภาพแข็งแรง จะมีเป็นปัญหาบ้างก็เรื่องสายตาของท่านที่ถูกแฟลชถ่ายรูปอยู่เป็นนิจ จนทางบ้านต้องติดป้ายขอความกรุณาต่อทุกคนที่ไปเยือนว่าอย่าใช้แฟลชถ่ายรูปท่าน
แม่ถ้วนเป็นคนมีอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เป็นนิจ แม้อายุจะมากแล้ว แต่ท่านยังคงพูดจาตอบโต้ฉะฉาน แถมในวันนั้นยังเล่าเรื่องราวเล็กๆน้อยๆสับเพเหระให้ผมกับชาวคณะฟัง พร้อมกับให้ลูกชาย(คุณกิจ)นำขนมมาให้ทานแกล้มกับการแฟที่ท่านมีไว้เลี้ยงแขกเหรื่อผู้มาเยือน ก่อนเชิญชวนให้เดินชมบรรยากาศภายในบริเวณบ้าน
หลังคารวะแม่ถ้วนแล้ว คุณกิจพาผมและคณะออกเดินชมภายในบริเวณบ้านแม่ถ้วนที่มีพื้นที่ประมาณ 6 ไร่
ในบริเวณบ้านแม่ถ้วนร่มรื่นเขียวครึ้มไปด้วยแมกไม้น้อยใหญ่ในลักษณะสวนป่าน้อยๆ มีอาคารพักรับรองแขกผู้มาเยือน พร้อมร้ำดื่ม กาแฟ ท่ามกลางแมกไม้ มีมุมหนึ่งของบ้านเป็นกรงไก่กรงนก
นอกจากนี้ยังมีร่องรอยอดีตอย่าง ไหพุงปลาเก่า กระเบื้องเก่า รถจี๊บเก่าที่นายกฯชวนเคยขับหาเสียง และแผ่นไม้หาเสียงของนายชวนสมัยหนุ่มๆ(ก่อนเป็นนายกฯ)ที่ยังเป็นภาพวาดอยู่เลย
นับได้ว่าบ้านแม่ถ้วนเป็นหนึ่งในพื้นที่ประวัติศาสตร์เล็กๆของเมืองตรัง เป็นพื้นที่รับแขกบ้านแห่งเมืองตรัง ที่หากใครได้มาสัมผัสก็จะรู้สึกประทับใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ที่ไม่ชอบพรรคประชาธิปัตย์
4…
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผมมีโอกาสไปเยือนบ้านแม่ถ้วนอีก 2 ครั้ง
บรรยากาศภายในบริเวณบ้านแม่ถ้วนยังคงเป็นเช่นดังเดิม ผิดกันก็แต่ผมไม่ได้พบกับแม่ถ้วนเหมือนการเยือนครั้งแรก เนื่องจากท่านได้เดินทางขึ้นมารักษาตัวที่กรุงเทพฯ ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับในวันนี้ที่บ้านแม่ถ้วนไม่มีแม่ถ้วนอีกแล้ว และไม่มีตลอดไป
อย่างไรก็ตามแม้คุณแม่ถ้วนจะเดินทางจากลาล่วงสู่สัมปรายภพ แต่ผมเชื่อว่าท่านยังคงตราตรึงอยู่ในใจชาวตรัง และตราตรึงอยู่ในใจของใครหลายๆคนไปอีกนานเท่านาน