ตรัง - ลูกชายคนโตของครอบครัว “หลีกภัย” คาดว่าจะตั้งงานบำเพ็ญกุศลศพของ “คุณแม่ถ้วน” ที่บ้านพักในจังหวัดตรัง 10 วัน ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ทั้งจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพหรือไม่ และที่วัดใดต้องหารือกันในหมู่พี่น้อง 9 คนเสียก่อน ทั้งนี้จะมีการรดน้ำศพในเวลา 14.00 น. ต่อด้วยพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ในเวลา 15.30 น.
วันนี้ (3 มี.ค.) นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตรัง ในฐานะลูกชายคนโตของครอบครัวหลีกภัย กล่าวว่า ศพของคุณแม่ถ้วนได้เดินทางมาถึงบ้านพักเลขที่ 183 ถนนวิเศษกุล ตำบลทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง เมื่อเวลา 01.40 น.ที่ผ่านมา
จากนั้นได้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพไว้ที่บริเวณศาลากลางบ้าน ซึ่งเปรียบเสมือนกับสถานที่ที่เคยใช้เป็นศูนย์บัญชาการการเลือกตั้ง ส.ส.ในหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา รวมทั้งใช้ต้อนรับแขกชั้นผู้ใหญ่ของนายชวน หลีกภัย ตั้งแต่สมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อปี 2535 ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะตั้งงานบำเพ็ญกุศลศพคุณแม่ไว้ประมาณ 10 วัน
สำหรับรูปแบบของการจัดงานบำเพ็ญกุศลศพของคุณแม่ถ้วนนั้น ลูกๆ ตั้งใจจะให้เป็นไปตามรูปแบบง่ายๆ เหมือนกับงานศพทั่วไปในจังหวัดตรัง โดยไม่มีอะไรเป็นพิเศษ และคุณแม่เองก็มิได้เป็นคนพิเศษอะไร
ส่วนสถานที่ฌาปนกิจศพ หรือเผาศพนั้น นายกิจคาดว่าจะเป็นวัดแห่งใดแห่งหนึ่งใน 2 แห่งของอำเภอเมืองตรัง คือ วัดควนวิเศษ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตรงข้ามกับบ้านพัก และเคยใช้เป็นสถานที่เผาศพคุณพ่อ คือ นายนิยม หลีกภัย หรือครูเฮิด เมื่อหลายสิบปีก่อน และอีกแห่งหนึ่งคือ วัดคลอองน้ำเจ็ด ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากบ้านพักไปประมาณ 1 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นสถานที่เก็บกระดูกของบรรพบุรุษ หรือปู่ย่าตายาย ส่วนจะมีการพระราชทานเพลิงศพคุณแม่หรือไม่ คงต้องรอให้การประชุมร่วมกันของบรรดาพี่ๆ น้องๆ ทั้ง 9 คนก่อน ขณะนี้จึงไม่สามารถที่จะให้คำตอบใดๆ เกี่ยวกับงานบำเพ็ญกุศลศพได้
นายกิจกล่าวอีกว่า ตนและบรรดาน้องๆ ไม่นึกว่าคุณแม่ถ้วนจะจากไปเร็วขนาดนี้ เพราะปกติทุกครั้งที่เดินทางไปเยี่ยมคุณแม่ที่บ้านน้องสาวที่กรุงเทพฯ ในช่วงเช้าน้องสาวก็จะให้คุณแม่อาบน้ำแล้วทานข้าว และพักผ่อนเหมือนปกติเช่นทุกวัน อีกทั้งก่อนที่คุณแม่จะเสียชีวิตก็มิได้บ่งออกอะไรให้ลูกๆ ทราบเป็นการล่วงหน้า และลูกๆ ก็ปรึกษาหารือกันว่าในเดือนมีนาคมนี้จะพาคุณแม่กลับมายังบ้านเกิดในจังหวัดตรัง แต่พอน้องสาวไปจับตัวของคุณแม่ปรากฎว่ามีตัวเย็นผิดปกติ เมื่อไปตามหมอมาตรวจดูก็พบว่าคุณแม่ได้จากไปแล้วเหมือนกับคนที่นอนหลับตามปกติ จึงไม่ได้สั่งเสียอะไรเลย
ก่อนหน้านี้สมัยที่คุณแม่ยังมีชีวิตก็ไม่เคยบอกสั่งเสียอะไร นอกจากพูดแค่ว่าชาติหน้าค่อยพบกันใหม่ ซึ่งก็เป็นคำพูดที่คุณแม่พูดออกมาบ่อยจนลูกๆ ไม่คิดอะไร รวมทั้งไม่เคยบอกว่าถ้าคุณแม่เสียไปจะให้ทำศพด้วยการเผา หรือฝังอย่างใดเลย ฉะนั้น เมื่อมาเกิดเหตุการณ์ขึ้นอย่างกะทันหัน บรรดาลูกๆ จึงทำอะไรไม่ค่อยถูกเพราะไม่เคยวางแผนเอาไว้ แต่ก็จะพยายามจัดงานบำเพ็ญกุศลศพของคุณแม่ให้สมเกียรติที่สุด และแล้วเสร็จไปด้วยความเรียบร้อยมากที่สุด
“ส่วนจะมีการจัดสร้างหรือทำอะไรเป็นที่ระลึกให้แก่คุณแม่หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้คิดอะไรในส่วนนี้ และคงต้องรอปรึกษาหารือกันก่อน อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าสิ่งที่ดีสุด ช่วงที่คุณแม่มีชีวิตอยู่เราควรที่จะดูแลเอาใจใส่ท่าน เพราะเมื่อท่านจากไปแล้วจะมาอาลัยอาวรณ์อย่างไร ท่านก็คงไม่ฟื้นกลับมา” นายกิจกล่าว และว่า สำหรับเรื่องทรัพย์สินเงินทองต่างๆ ของคุณแม่ถ้วนนั้น คุณแม่เองก็ไม่เคยได้พูดคุยกันมาก่อนหน้านี้เลยว่า ถ้าวันหนึ่งคุณแม่ต้องจากไปจะดำเนินการอย่างไรกัน เพียงรู้ๆ กันอยู่ว่า คุณแม่มีเงินฝากอยู่ในธนาคารจำนวนหนึ่ง และหลังจากเสร็จสิ้นการจัดงานบำเพ็ญกุศลศพไปแล้ว ลูกๆ คงค่อยมาพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไร แต่คงไม่ถึงขั้นต้องมาแบ่งสรรปันส่วนอะไรหรือให้ใครกัน เพราะไม่อยากที่จะให้ความสำคัญใดๆ ในส่วนนี้ โดยเฉพาะบ้านพักหลังใหญ่บนถนนวิเศษกุล ซึ่งเป็นสมบัติที่คุณพ่อคุณแม่ได้สร้างขึ้น ถือเป็นสมบัติส่วนกลางที่ให้ลูกๆ ได้อยู่อาศัยกัน โดยเฉพาะตนเอง นายชวน และนายระลึกน้องชายคนสุดท้อง
ทั้งนี้ จะมีพิธีรดน้ำศพคุณแม่ถ้วน ที่บ้านพักบนถนนวิเศษกุล ในเวลา 14.00 น. จากนั้นจะมีพิธีรดน้ำจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ในเวลา 15.30 น.
