นครศรีธรรมราช - ผช.ผอ.ฝ่ายก่อสร้างพลังงานความร้อน กฟผ.เมินขีดเส้นยุติโครงการ ถามมีเหตุผลอะไร ยันพลังงานลมไร้ศักยภาพป้อนไม่ทันความต้องการ จึงต้องใช้โรงไฟฟ้าถ่านหินหรือไม่ก็โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไปเลย ขณะที่การทำงานของคนใน กฟผ.ก็ยังดำเนินตามปกติ ยังคงแจกสิ่งของ เสื้อผ้าตามโครงการต่างๆ ที่มีอยู่
นายวิวัฒน์ ชาญเชิงพาณิชย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายก่อสร้างพลังงานความร้อน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีการขีดเส้นให้ยุติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่นครศรีธรรมราชว่า ไม่เข้าใจว่าการที่กลุ่มเคลื่อนไหวออกมาสั่งให้ออกจากพื้นที่ยุติโครงการ ไม่ทราบว่ายุติด้วยเหตุผลอะไร ผิดตรงไหน การลงพื้นที่ของ กฟผ.ไปทำหน้าเพียงสร้างความเข้าใจ สถานการณ์ไฟฟ้าปัจจุบันเป็นอย่างไร อนาคตจะเป็นอย่างไรหากไม่มีไฟฟ้าเพิ่ม หากไม่เพิ่มจะเป็นอย่างไร เป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจ
ต่อข้อถามถึงการขีดเส้นให้ยุติและออกจากพื้นที่ กฟผ.จะยุติโครงการหรือไม่ นายวิวัฒน์พยายามกล่าวเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้ โดยกล่าวว่ามีเหตุผลอะไรที่ไม่ให้ความรู้กับชาวบ้าน เท่ากับปิดหูปิดตาประชาชนหรือไม่ สิ่งที่เราทำคือการให้ความรู้เท่านั้น แต่ไม่เป็นไรเราไม่สามารถฝืนประชาชนได้ ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ห้ามไม่ได้หากประชาชนไม่ต้องการ จริงๆแล้วโรงไฟฟ้าถ่านหินตามแผนนั้นโรงแรกจะต้องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2562 เราจึงไปทำตามนโยบายรัฐบาลในการสร้างความเข้าใจ หากประชาชนต้องการสร้างหากไม่ต้องการจะเป็นไปตามความต้องการของประชาชน
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายก่อสร้างพลังงานความร้อน กล่าวต่อว่าในเรื่องของพลังงานทดแทน เช่น พลังงานลมหรือแสงอาทิตย์ ให้ไปดูที่ อ.หัวไทร กังหันลมหมุนบ้างไม่หมุนบ้าง แล้วจะทำอย่างไรพลังงานทดแทนจะเต็มที่ได้อย่างไรไม่พอกับความต้องการ จึงต้องมองไปที่โรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือนิวเคลียร์ไปเลยแต่อย่างไรก็ตาม กฟผ.สนับสนุนในส่วนของพลังงานทดแทนเช่นนี้เต็มที่
“การส่งคนไปทำงานสร้างความเข้าใจในพื้นที่นั้นเราเลือกคน แต่ถ้าทราบถึงบุคลิกว่าไม่เหมาะสมแข็งกร้าว หรือสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นเราจะต้องเปลี่ยนคนอยู่แล้ว” ผช.ผอ.ฝ่ายก่อสร้างพลังงานความร้อน กฟผ.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าบรรยากาศในพื้นที่นั้นยังคงเป็นไปตามปกติ เจ้าหน้าที่ กฟผ.ยังคงทำงานต่อไปตามโครงการต่างๆ เช่น การแจกจ่ายสิ่งของ เสื้อผ้า ส่วนสำนักงานที่ตั้งอยู่บริเวณริมถนนสายนครศรี-สุราษฎร์ หน้าปั๊ม ปตท.ท่าขึ้น ยังมีบรรยากาศที่เงียบ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการถูกร้องขอให้ส่งเจ้าหน้าที่มารักษาความปลอดภัย
นายวิวัฒน์ ชาญเชิงพาณิชย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายก่อสร้างพลังงานความร้อน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีการขีดเส้นให้ยุติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่นครศรีธรรมราชว่า ไม่เข้าใจว่าการที่กลุ่มเคลื่อนไหวออกมาสั่งให้ออกจากพื้นที่ยุติโครงการ ไม่ทราบว่ายุติด้วยเหตุผลอะไร ผิดตรงไหน การลงพื้นที่ของ กฟผ.ไปทำหน้าเพียงสร้างความเข้าใจ สถานการณ์ไฟฟ้าปัจจุบันเป็นอย่างไร อนาคตจะเป็นอย่างไรหากไม่มีไฟฟ้าเพิ่ม หากไม่เพิ่มจะเป็นอย่างไร เป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจ
ต่อข้อถามถึงการขีดเส้นให้ยุติและออกจากพื้นที่ กฟผ.จะยุติโครงการหรือไม่ นายวิวัฒน์พยายามกล่าวเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้ โดยกล่าวว่ามีเหตุผลอะไรที่ไม่ให้ความรู้กับชาวบ้าน เท่ากับปิดหูปิดตาประชาชนหรือไม่ สิ่งที่เราทำคือการให้ความรู้เท่านั้น แต่ไม่เป็นไรเราไม่สามารถฝืนประชาชนได้ ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ห้ามไม่ได้หากประชาชนไม่ต้องการ จริงๆแล้วโรงไฟฟ้าถ่านหินตามแผนนั้นโรงแรกจะต้องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2562 เราจึงไปทำตามนโยบายรัฐบาลในการสร้างความเข้าใจ หากประชาชนต้องการสร้างหากไม่ต้องการจะเป็นไปตามความต้องการของประชาชน
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายก่อสร้างพลังงานความร้อน กล่าวต่อว่าในเรื่องของพลังงานทดแทน เช่น พลังงานลมหรือแสงอาทิตย์ ให้ไปดูที่ อ.หัวไทร กังหันลมหมุนบ้างไม่หมุนบ้าง แล้วจะทำอย่างไรพลังงานทดแทนจะเต็มที่ได้อย่างไรไม่พอกับความต้องการ จึงต้องมองไปที่โรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือนิวเคลียร์ไปเลยแต่อย่างไรก็ตาม กฟผ.สนับสนุนในส่วนของพลังงานทดแทนเช่นนี้เต็มที่
“การส่งคนไปทำงานสร้างความเข้าใจในพื้นที่นั้นเราเลือกคน แต่ถ้าทราบถึงบุคลิกว่าไม่เหมาะสมแข็งกร้าว หรือสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นเราจะต้องเปลี่ยนคนอยู่แล้ว” ผช.ผอ.ฝ่ายก่อสร้างพลังงานความร้อน กฟผ.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าบรรยากาศในพื้นที่นั้นยังคงเป็นไปตามปกติ เจ้าหน้าที่ กฟผ.ยังคงทำงานต่อไปตามโครงการต่างๆ เช่น การแจกจ่ายสิ่งของ เสื้อผ้า ส่วนสำนักงานที่ตั้งอยู่บริเวณริมถนนสายนครศรี-สุราษฎร์ หน้าปั๊ม ปตท.ท่าขึ้น ยังมีบรรยากาศที่เงียบ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการถูกร้องขอให้ส่งเจ้าหน้าที่มารักษาความปลอดภัย