ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลา ปลุกกระแสอันตรายจากถ่านหินตบหน้า กฟผ.ชวนพลังมวลชนชาวใต้ทั้งกลุ่มประชาชน ข้าราชการ สถาบันการศึกษา เครือข่ายวลัยลักษณ์และกลุ่มกรีนพีซร่วมหมื่นคน หน้าที่ว่าการอำเภอท่าศาลา ประกาศเจตนารมณ์ยกระดับไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศไทย พร้อมจับมือผู้นำท้องถิ่นเซ็นสัญญาประชาคม
วันนี้ (24 ก.พ.) เวลา 14.00 น.หน้าที่ว่าการอำเภอท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลานัดรวมพลแสดงพลังไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งมีเป้าหมายจะเกิดขึ้นทั้งใน อ.ท่าศาลา และ อ.หัวไทร โดยมีประชาชน นักธุรกิจ ข้าราชการ นักเรียน และนักศึกษา เดินทางมารวมตัวร่วมหมื่นคน ขณะที่บรรยากาศในตัวอำเภอนั้นประชาชนในแต่ละบ้านเรือนต่างติดธงรณรงค์ “ฅนท่าศาลา ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” สีเขียวแสดงสัญลักษณ์ เช่นเดียวกับขบวนรถที่ประดับด้วยธงรณรงค์อย่างพร้อมเพรียง
กิจกรรมสำคัญ คือ มีการแสดงพลังด้วยความสันติ มีการเข้าแถวต่อมือต่อแขนแสดงพลังปกป้องดินท่าศาลา เป็นลัญลักษณ์โอบล้อมปกป้องอำเภอด้วยมือของประชาชน นำโดยคณะกลองยาวจากนักเรียนโรงเรียนท่าศาลา จำนวน 600 คน ร่วมด้วยเครือข่ายโรงเรียนระดับประถมศึกษาอีกหลายแห่ง
ตามด้วยประชาชนจากที่ต่างๆ อีกนับพัน ทั้งใน จ.นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี, ชุมพร, สงขลา และ สตูล ปิดท้ายด้วยเครือข่ายวลัยลักษณ์เพื่อปวงชน ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และมีพิธีการมอบธงชาติ ธงท่าศาลาเมืองน่าอยู่ให้กับผู้นำชุมชน โดยแบ่งขบวนพลังมวลชนเป็น 4 สายก่อนที่จะเคลื่อนขบวนมาล้อมรอบย่านการค้าโดยมีที่ว่าการอำเภอท่าศาลาเป็นศูนย์กลางอันแสดงถึงพลังปกป้องบ้านเกิดด้วยความสันติ
ทั้งนี้ ผู้ที่มาร่วมแสดงพลังได้เขียนป้ายผ้าร้องเรียนความเดือดร้อน และแสดงความต้องการ เช่น “ ท่าน รมต.อย่างทำลายแห่งอาหารของคนนคร”, “ถ่านหินสะอาดเป็นวาะกรรมลวงโลก”, “ประมงพื้นบ้าน อ.สิชลไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” เป็นต้น โดยหลังจากเดินขบวนและจับมือแสดงพลังเสร็จแล้ว ได้เปิดโอกาสให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการพัฒนาของรัฐได้ร่วมขึ้นเวทีปราศรัย รวมถึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นใน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีอีกหลายโครงการที่จะตามมานอกจากโรงไฟฟ้าถ่านหินแล้ว ทั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เขื่อนกั้นน้ำป้อนให้นิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น
ส่วนเครือข่ายวลัยลักษณ์เพื่อปวงชน ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ถึงการผลักดันโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 แห่ง และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีก 1 แห่ง ที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่า เป็นการทำลายชุมชน ภูมิปัญญาของชาวนครศรีธรรมราชที่สืบทอดมาร่วมพันปี จึงขอร่วมคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน และพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และอื่นๆ รวมทั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และหากจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าแล้ว
ขอสนับสนุนให้ใช้พลังงานทางเลือก พร้อมเรียกร้องให้ กฟผ.และหน่วยงานรัฐยุติการดำเนินการใดๆ กับโรงไฟฟ้าถ่านหินภายใน 15 มีนาคม 2554 และแก้ไขความขัดแย้งภายในชุมชนที่เกิดขึ้นแล้วด้วย
ต่อจากนั้นเวลา 18.30 น.ผู้นำท้องถิ่นและผู้นำชุมชนได้ร่วมลงนามประกาศสัญญาประชาคมว่าไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ต่อหน้าประชาชนภาคใต้ร่วมหมื่นคน ปิดท้ายเวทีคอนเสิร์ตวงซูซู, วงตุด นาคอน, วงภิญโญ ด้ามขวาน สลับกับเครือข่าย และองค์กรทุกภาคส่วนร่วมประกาศเจตนารมณ์ และเวทีการเสวนานำโดย นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนักวิชาการอื่นๆ
นายทรงวุฒิ พัฒแก้ว แกนนำเครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลา กล่าวว่า จุดยืนของชาวนครศรีธรรมราช คือ ไม่ต้องการให้โรงไฟฟ้าถ่านหินไม่ควรจะสร้างอีกต่อไปแล้วบนโลกนี้ เพราะสร้างมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อม และชาวบ้านในพื้นที่ที่ตั้งโรงไฟฟ้านี้ไม่ต้องการร่วมแก้ปัญหานอนาคตให้กับลูกหลาน ดังนั้น ทางออก คือ ต้องไม่สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินโดยไม่มีข้อแม้และเงื่อนไขใดๆ เพื่อยุติปัญหาต่างๆ ไม่ให้เกิดขึ้นตามมา
ด้านกลุ่มกรีนพีซได้ร่วมรณรงค์ปฏิวัติพลังงานในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนโดยลงทุนด้านเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างจริงจังในอนาคต เพื่อเป็นทางออกของความมั่นคงทางพลังงานและความเป็นธรรม โดยยุติการสร้างมลพิษด้วยพลังงานจากถ่านหินซึ่งมีสารพิษอันตรายปนเปื้อน ล่าสุด โรงไฟฟ้าถ่านหินเกคโค่วัน ซึ่งเป็นของเอกชนถูกประกาศเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบรุนแรงต่อชุมชนอย่างรุนแรง จึงต้องประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ทำให้ล่าช้าในการขยายโรงไฟฟ้า และในวันนี้ชาวบ้านในภาคใต้ได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าไม่ต้องการให้มีโรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดขึ้นอีกต่อไป