ศูนย์ข่าวภูเก็ต- ทหารตรวจยึดยางแผ่นจากพม่า 50 ตัน มูลค่า 9 ล้านบาท ขณะใช้เรือบรรทุกลักลอบนำเข้าจังหวัดระนอง
วันนี้ (23 ก.พ.) ร.ต.สมบัติ ทองจันทร์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการเกาะสะระนีย์ หมู่ 1 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง ได้นำกำลังลงเรือเร็วเข้าจับกุมเรือบรรทุกสินค้าจำนวน 2 ลำ ขณะขับมุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดระนอง บริเวณปากน้ำระนอง จากการตรวจสอบพบว่ามีผ้าใบสีเขียวเทาปิดคลุมอย่างมิดชิด เมื่อเปิดออกดูพบยางพาราแผ่นดิบบรรจุใส่กระสอบปุ๋ยเต็มเรือ
เรือลำแรกหมายเลข KT.035/049 บรรทุกยาง 100 กระสอบๆ ละ 100 กิโลกรัม 10,000 กิโลกรัม พร้อมลูกเรือชาวพม่า 3 คน และเรือลำที่สองหมาย KT.025/051 บรรทุกยาง 400 กระสอบ ๆ ละ 100 กิโลกรัม รวม 40,000 กิโลกรัม พร้อมลูกเรือชาวพม่า 4 คน รวมเรือสองลำ 50,000 กิโลกรัม หรือ 50 ตัน มูลค่ายางพารา 9,000,000 บาท
จากการตรวจสอบไม่พบเอกสารการนำเข้าสินค้าแต่อย่างใด จึงได้ประสานไปยังด่านศุลกากรระนองและด่านตรวจพืชระนอง ให้ร่วมตรวจสอบด้วย
จากการสอบสวนนายเย้า อายุ 35 ปี คนขับเรือ ให้การว่า ได้รับการว่าจ้างให้นำยางดังกล่าวจากจังหวัดเกาะสอง ไปส่งยังจังหวัดระนอง ได้ค่าจ้างคนละ 1,000 บาท
นายสันติสุข ภูมิเงิน หัวหน้าด่านตรวจพืชระนอง กล่าวว่า ยางพาราที่จะนำเข้ามาในประเทศต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานก่อน ซึ่งกรณีนี้ไม่มีเอกสารใด ๆ มายืนยัน ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ.2507 ฉบับที่ 5 เบื้องได้ตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักลอบหนีศุลกากร หลีกเลี่ยงข้อห้าม ข้อจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักร ส่วนลูกเรือทั้ง 7 คน ถูกดำเนินคดีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายด้วย
มีรายงานว่า หลังจากที่เรือทั้ง 2 ลำ ถูกจับกุมนายทุนคนหนึ่งซึ่งอยู่ที่จังหวัดระนอง ได้ส่งคนไปเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ทหารชุดจับกุมถึงเกาะสะระนีย์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยินยอมและขอดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ หลังจากที่ราคายางพาราในประเทศไทยพุ่งสูงขึ้น ทำให้นายทุนในจังหวัดระนองหลายราย ได้สั่งซื้อยางแผ่นจากประเทศพม่าเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะทางด้านอำเภอกระบุรีและอำเภอละอุ่น ซึ่งมีราคาต่างกันประมาณกิโลกรัมละ 20-30 บาท ซึ่งล่าสุดราคายางอยู่ที่ 180บาท/ กิโลกรัม แต่ซื้อมาประมาณ 150-160 บาทต่อกิโลกรัม หากครั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมได้จะทำให้ผู้นำเข้ามีกำไร 1-2 ล้านบาท
วันนี้ (23 ก.พ.) ร.ต.สมบัติ ทองจันทร์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการเกาะสะระนีย์ หมู่ 1 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง ได้นำกำลังลงเรือเร็วเข้าจับกุมเรือบรรทุกสินค้าจำนวน 2 ลำ ขณะขับมุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดระนอง บริเวณปากน้ำระนอง จากการตรวจสอบพบว่ามีผ้าใบสีเขียวเทาปิดคลุมอย่างมิดชิด เมื่อเปิดออกดูพบยางพาราแผ่นดิบบรรจุใส่กระสอบปุ๋ยเต็มเรือ
เรือลำแรกหมายเลข KT.035/049 บรรทุกยาง 100 กระสอบๆ ละ 100 กิโลกรัม 10,000 กิโลกรัม พร้อมลูกเรือชาวพม่า 3 คน และเรือลำที่สองหมาย KT.025/051 บรรทุกยาง 400 กระสอบ ๆ ละ 100 กิโลกรัม รวม 40,000 กิโลกรัม พร้อมลูกเรือชาวพม่า 4 คน รวมเรือสองลำ 50,000 กิโลกรัม หรือ 50 ตัน มูลค่ายางพารา 9,000,000 บาท
จากการตรวจสอบไม่พบเอกสารการนำเข้าสินค้าแต่อย่างใด จึงได้ประสานไปยังด่านศุลกากรระนองและด่านตรวจพืชระนอง ให้ร่วมตรวจสอบด้วย
จากการสอบสวนนายเย้า อายุ 35 ปี คนขับเรือ ให้การว่า ได้รับการว่าจ้างให้นำยางดังกล่าวจากจังหวัดเกาะสอง ไปส่งยังจังหวัดระนอง ได้ค่าจ้างคนละ 1,000 บาท
นายสันติสุข ภูมิเงิน หัวหน้าด่านตรวจพืชระนอง กล่าวว่า ยางพาราที่จะนำเข้ามาในประเทศต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานก่อน ซึ่งกรณีนี้ไม่มีเอกสารใด ๆ มายืนยัน ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ.2507 ฉบับที่ 5 เบื้องได้ตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักลอบหนีศุลกากร หลีกเลี่ยงข้อห้าม ข้อจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักร ส่วนลูกเรือทั้ง 7 คน ถูกดำเนินคดีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายด้วย
มีรายงานว่า หลังจากที่เรือทั้ง 2 ลำ ถูกจับกุมนายทุนคนหนึ่งซึ่งอยู่ที่จังหวัดระนอง ได้ส่งคนไปเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ทหารชุดจับกุมถึงเกาะสะระนีย์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยินยอมและขอดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ หลังจากที่ราคายางพาราในประเทศไทยพุ่งสูงขึ้น ทำให้นายทุนในจังหวัดระนองหลายราย ได้สั่งซื้อยางแผ่นจากประเทศพม่าเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะทางด้านอำเภอกระบุรีและอำเภอละอุ่น ซึ่งมีราคาต่างกันประมาณกิโลกรัมละ 20-30 บาท ซึ่งล่าสุดราคายางอยู่ที่ 180บาท/ กิโลกรัม แต่ซื้อมาประมาณ 150-160 บาทต่อกิโลกรัม หากครั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมได้จะทำให้ผู้นำเข้ามีกำไร 1-2 ล้านบาท