xs
xsm
sm
md
lg

มท.3 เยี่ยมเหยื่อระเบิดยะลา - ชี้ 1 มี.ค.ใช้ ม.21 เปิดโอกาสให้ผู้หลงผิดกลับตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยะลา - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ จ.ยะลา เยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุ จักรยานยนต์บอมบ์ ย่านการค้ากลางเมืองยะลา ที่ยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา 7 ราย พร้อมมอบเงินช่วยเหลือ ในขณะที่วันที่ 1 มี.ค.นี้ เตรียมใช้มาตรา 21 เปิดโอกาสให้ผู้หลงผิดกลับตัวกลับใจร่วมพัฒนาพื้นที่

เวลา 16.30 น.วันนี้ (22 ก.พ.) ที่ห้องปลอดเชื้อ ชั้น 3 และ ตึกศัลยกรรมชาย/หญิง อาคารโรงพยาบาลศูนย์ยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะได้เดินทางเข้าเยี่ยม เจ้าหน้าที่ตำรวจ และประชาชน ได้รับบาดเจ็บจากเหตุจักรยานยนต์บอมบ์ บริเวณหน้าร้านทองรุ่งอนันต์ ถนนระนอง ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา มีผู้เสียชีวิต จำนวน 1 ราย บาดเจ็บ 16 ราย ทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมี นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา (ฝ่ายความมั่นคง) นายประมุข ลมุล รองเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ร่วมให้การต้อนรับ

โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เข้าเยี่ยมอาการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง 1 ราย 1 ประกอบด้วย 1.จ.ส.ต.เสวก ชาลี อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กก.7 อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี นอนรักษาตัวที่ห้องศัลยกรรมชาย มอบเงินเยียวยาจำนวน 10,000 บาท 2.นางวันเพ็ญ แซ่แต้ อายุ 51 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งถูกแรงระเบิด และไฟคลอกตามร่างกาย นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องปลอดเชื้อ มอบเงินจำนวน 50,000 บาท 3.นายจรงค์ แก้วเขียว อายุ 44 นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกศัลยกรรมชาย มอบเงิน 10,000 บาท

4.นายทรงธรรม อินทกาญจน์ อายุ 53 ปี เจ้าของร้านเสริมการพิมพ์ นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องหูคอจมูก มอบเงินจำนวน 30,000 บาท 5.น.ส.สุนิสา หงส์ประดิษฐ์ อายุ 22 ปี นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกศัลยกรรมหญิง มอบเงินจำนวน 10,000 บาท 6.นางกมลวรรณ สงแดง อายุ 35 ปี นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกศัลยกรรมหญิง มอบเงินจำนวน 10,000 บาท 7.นางเศียนศิริ แก้วกระจ่าง อายุ 50 ปี นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกศัลยกรรมหญิง มอบเงินจำนวน 30,000 บาท พร้อมทั้งได้มอบกระเช้าเยี่ยมให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย

นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์คาร์บอมบ์ และ จักรยานยนต์บอมบ์ เหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนเองได้เข้าหารือกับทาง นายกรัฐมนตรี ในฐานนะเป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน และในฐานะผู้บังคับบัญชา ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาตรการหลังจากนี้จะได้เรียกผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และแม่ทัพภาคที่ 4 ว่ามาตรการในการใช้อยู่ในปัจจุบัน มีข้อติดขัดอะไรบ้าง ที่ทำให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบสามารถแทรกเข้ามา และ สามารถเข้ามาลอบวางระเบิด ต่อพี่น้องประชาชน ทำให้ได้รับความเสียหาย

ซึ่งจริงๆ แล้ว ก็ทราบดีว่า ในช่วง ปี 54 ปีนี้ เป็นการก่อเหตุในขั้นบันได ขั้น 6 ขั้น 7 ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ทางเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ก็ระมัดระวัง งานการข่าวก็เป็นที่เชื่อถือได้ งานการป้องกันก็ระวังกันอย่างเต็มที่ แต่การที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้แทรกเข้ามาก่อเหตุในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 10 วัน เกิดขึ้น 2 ครั้ง ทุกฝ่ายต้องกลับมาทบทวนการปฏิบัติงานร่วมกัน ระหว่างพลเรือน ตำรวจ และ ทหาร สำหรับการเกิดเหตุคาร์บอมบ์ และเหตุระเบิดหลายต่อหลายครั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คาดว่า น่าจะเป็นการเชื่อมโยงกันของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ และ เป็นการดำรงความมุ่งหมายไปแนวทางเดียวกัน

ดังนั้น การเก็บพยานหลักฐาน รวมทั้งการสืบหากลุ่มคนร้าย การติดตามจับกุม จะสามารถโยงใย และสืบค้นหากลุ่ม หรือ สืบค้นหาขบวนการได้ ตนเองก็ได้กำชับการทำงานต่อเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ สำหรับการเร่งรัดคดีสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง แต่ก็จะให้ทำทันใจกับประชาชนที่ได้รับความเจ็บปวด ต้องการเห็นเหมือนกับที่พวกเราต้องการเห็น คงไม่ได้ เพราะต้องระมัดระวังไม่ให้จับผิดคน หากจับผิดคนแล้วก็จะส่งผลลบอีกในวันข้างหน้า

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดเหตุติดต่อกัน 3 ครั้ง ยะลา 2 ครั้ง นราธิวาส 1 ครั้ง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน และ ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในฐานะผู้บังคับบัญชาของผู้อำนวยการศูนย์บริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านจะได้ปรับปรุง หรือหาแนวทางในการให้เกิดความปลอดภัย และป้องกัน ไม่ให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน หรือได้รับความเสียหาย ตนเองมั่นใจว่า แนวทางที่เดินทางกันมา โดยการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา นั้นเป็นแนวทางที่มีความถูกต้อง แต่การยั่วยุของฝ่ายตรงข้าม ถ้าฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่เผลอไปใช้วิธีการที่ผิดกฎหมาย หรือ ตามการยั่วยุ สักระยะหนึ่งก็จะสามารถที่จะดูแลพี่น้องประชาชน ให้เกิดความสงบสุขได้ เพราะเนื่องจากแนวร่วมของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ไม่ได้เพิ่ม

ซึ่งหลังจากนี้ วันที่ 1 มีนาคม 2554 เป็นต้นไป จะมีการเริ่มใช่มาตรา 21 เปิดโอกาสให้ผู้ที่หลงผิด เข้ามามอบตัว และจะได้เข้าสู่กระบวนการฝึกอบรม แนวร่วมของผู้ก่อความไม่สงบ หรือ ผู้ที่เข้ามามอบตัว ก็จะให้ความร่วมมือ ในการค้นหาผู้กระทำค้นหาวิธีการของการกระทำความผิด ซึ่งจะสามารถลดความรุนแรงลงได้อย่างแน่นอน




กำลังโหลดความคิดเห็น