ยะลา - นักวิชาการจากชายแดนใต้สวนกลับกรณีเครื่องจีที 200 ชาวบ้านในพื้นที่ 3 จังหวัดหมดศรัทธาแล้ว แต่หน่วยงานด้านความมั่นคง ยังออกมาแถลงยืนยันในประสิทธิภาพของเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 ใช้ได้ผลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
วันนี้ (18 ก.พ.) ภายหลังจากที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมหัวหน้ากองทำลายวัตถุระเบิด กรมสรรพาวุธ เจ้ากรมยุทธการทหารบก และคณะที่ปรึกษากองทัพ รวมทั้ง พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เปิดแถลงข่าวที่หอประชุมกองทัพบก โดยนำตัวแทนหน่วยปฏิบัติการทางทหาร ทั้งกองทัพอากาศ กองทัพเรือ โดยเฉพาะกองกำลังปฏิบัติการที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกมาแถลงยืนยันผลสัมฤทธิ์ของการใช้เครื่อง จีที 200 ในพื้นที่ หลังผ่านเหตุการณ์การก่อความไม่สงบหลายต่อหลายครั้ง โดยทุกคนมั่นใจ เครื่อง จีที 200 สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผศ.ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ คณบดีคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เปิดเผยว่า สำหรับเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 นั้น จริงๆ แล้วกระบวนการทดสอบก็ปรากฏผลอยู่แล้ว ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับทราบในส่วนของนายเจ๊ะอามิง โต๊ะตาหยง ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 ว่ายังที่จะมีการอยากที่จะอุทธรณ์ ให้มีการตรวจสอบการใช้อีกครั้งหนึ่ง ตนเองก็เห็นด้วย เพราะกระบวนการตรงนี้ มีคณะกรรมการมาตรวจสอบมีผลออกมาชัดเจน แต่ถ้าหน่วยงานด้านความมั่นคง หรือ ว่าผู้ใช้ยังมีความสงสัย ก็สามารถพิสูจน์ได้อีกครั้งหนึ่ง
ถ้าหากนำมาใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา เพราะในขณะนี้ยังไม่มีเครื่องมือชนิดอื่นที่ดีกว่านี้มาใช้ เพื่อความมั่นใจก็สามารถน้ำมาใช้งานได้ แต่ใช้ได้เฉพาะนำไปตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย เช่น ตรวจสอบรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือวัตถุอื่นๆ แต่ไม่ควรนำไปตรวจสอบตัวบุคคลโดยเด็ดขาด เพราะในวันนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หากนำเครื่องจีที 200 ไปตรวจสอบบุคคลแล้วเครื่องชี้ไปนั้น และได้นำตัวไปสอบสวนอาจจะเกิดปัญหาใหญ่ในพื้นที่อย่างแน่นอน
“เราไม่อยากให้มีการใช้พิสูจน์ทราบตัวบุคคล สิ่งที่ดีที่สุดในวันนี้เมื่อคณะกรรมการพิสูจน์แล้ว เห็นผลชัดเจนว่าไม่สามารถใช้งานได้ แต่หากว่ายังเคลือบแคลงใจว่าเป็นอย่างไร ให้นำเครื่อง จีที 200 มาทดสอบให้กับประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเปิดเผย โปร่งใส่ หากทดสอบแล้วประชาชนในพื้นที่ยังยอมรับและยังศรัทธา ก็สามารถที่จะกลับมาใช้ใหม่ได้ สิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้คือ คนในพื้นที่ต้องความเชื่อมั่นที่แท้จริง ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาไปมากกว่านี้” ผศ.ดร.สมบัติกล่าว
