ระนอง - ตำรวจน้ำระนองสนธิกำลังเจ้าหน้าที่สรรพสามิต จับกุมเรือพม่าลักลอบนำน้ำมันดีเซลที่ออกต่างประเทศนำกลับเข้ามาขายในระนอง
พ.ต.ท.ไมตรี นักธรรม สารวัตรหัวหน้าสถานีตำรวจน้ำระนอง(สว.1 กก.8 รน.) พร้อมด้วย พ.ต.ต.ชัยกฤต มิ่งรักษา สว.สถานีตำรวจน้ำระนองทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามทางน้ำ(ทนท.ปป.ทางน้ำ)นำกำลังลงเรือเร็วเข้าสกัดเรือไม้เครื่องวางท้องเรือบริเวณปากน้ำระนองหลังจากได้รับแจ้งว่าเป็นเรือดัดแปลงขนน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศเพื่อนบ้าน มาขึ้นฝั่งที่บริเวณย่านสะพานปลาระนอง หมู่ที่ 1 ต.ปากน้ำ อ.เมือง
พร้อมทั้งประสานไปยัง พ.ต.อ.วีระศิลป์ ขวัญเซ่ง ผกก.สภ.ปากน้ำระนอง และนายบุญฤทธิ์ หมวดเมือง เจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ระนอง ให้ตรวจสอบบนฝั่ง จนพบเรือต้องสงสัยจอดเกยตื้นอยู่ข้างแพปลาแห่งหนึ่ง ที่หัวเรือมีรหัส KT. 001 ซึ่งหมายถึงเป็นเรือจากเกาะสอง ประเทศพม่า ส่วนลูกเรือที่โดยสารมากับเรือ ประมาณ 4 คนวิ่งหลบหนีเข้าไปทางป่าชายเลน หายไปกับความมืด
จากการตรวจสอบพบว่าเรือดังกล่าวมีการดัดแปลง โดยใช้ถังเหล็กนำไปวางไว้ในเรือภายในมีน้ำมันดีเซลประมาณ 2,000 ลิตร โดยทำเป็นเก๋งเรือครอบไว้เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และพบสายยางที่ถูกลากมาจ่อไว้ที่เรือจำนวน 1 เส้น ส่วนที่ปลายสายยางอีกด้านหนึ่งอยู่ในโกดังของแพปลา จึงได้เปิดโกดังเพื่อตรวจค้น พบถังเหล็กขนาด 200 ลิตร จำนวน 9 ใบ บรรจุน้ำมันจำนวน 4 ใบ ประมาณ 800 ลิตร และถังพลาสติกสีขาวขนาด 20 ลิตร จำนวน 21 ใบ บรรจุน้ำมันแล้วจำนวน 11 ใบ มีน้ำมันประมาณ 200 ลิตร
โดยใช้ปั๊มหลอดแก้วเป็นตัวสูบน้ำมันจากเรือขึ้นมาบนฝั่งเพื่อไปจำหน่ายให้กับลูกค้ารายย่อยในพื้นที่ เมื่อเจ้าหน้าที่สรรพสามิตใช้เครื่องมือทำการตรวจสอบน้ำมัน พบว่าน้ำมันทั้งหมดมีสารมาร์คเกอร์ ผสมอยู่ ซึ่งเป็นน้ำมันปลอดภาษีสำหรับใช้ส่งออกต่างประเทศเท่านั้น
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการโทรศัพท์ติดต่อไปยังเจ้าของแพ แต่ไม่มีการรับสาย เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปยังบ้านพักพบว่าบ้านถูกปิดไว้ ไม่มีใครอยู่ภายในบ้าน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหา 4 ข้อคือ
1.ร่วมกันลักลอบหรือนำพาของที่ยังมิได้เสียภาษี ของต้องห้าม หรือที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยมิได้รับอนุญาต
2.ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใด ๆ เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ผ่านศุลกากร
3.ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าไม่ได้เสียภาษี
4.ร่วมการขนถ่ายสิ่งของใด ๆ ในเรือในทะเลนอกเขตท่า โดยไม่มีเหตุอันสมควรโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นนำของกลางส่งร้อยเวร สภ.เมืองปากน้ำระนอง เพื่อตามตัวเจ้าของแพปลาและผู้ที่โดยสารมากับเรือจำนวน 4 คนมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป