xs
xsm
sm
md
lg

“ถาวร” ลั่นพัฒนาด่านโก-ลกทำเงินสะพัด 4 พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นราธิวาส-"ถาวร" ลงพื้นที่ให้ความมั่นใจพัฒนาด่านโกลกเป็นด่านสากลขนส่งสินค้า เชื่อทำเงินสะพัดกว่า 4,000 ล้าน ส่วนเรื่องบุกรุกสร้างที่อยู่ จะเร่งสั่งการเจ้าหน้าที่ทำความเข้าใจกับชาวบ้านไม่ให้บุกรุกพื้นที่ เพราะรบ.กำลังแก้ไขปัญหาด้วยการปันงบ 3,000 ล้าน นำมาดูแลที่อยู่อาศัย ปปช. 5 จังหวัดชายแดนใต้

วันนี้(15 ม.ค.)นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าการปรับปรุงท่าเรือและสะพานเชื่อมไทย-มาเลเซียที่ด่านตาบา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และรับฟังปัญหา ตลอดจนความต้องการของนักธุรกิจชายแดน นายถาวรกล่าวว่าสิ่งที่รัฐบาลกำลังมุ่งเน้นเพื่อพัฒนาศักยภาพเมืองชายแดนในพื้นที่ขณะนี้ มี 2 เรื่อง ประกอบด้วยการพัฒนาด่านชายแดนและส่งเสริมการค้าชายแดน โดยทั้งการพัฒนาด่านชายแดนบูเก๊ะตา อ.แว้ง และการก่อสร้างสะพานที่ด่านตาบา อ.ตากใบ มีความคืบหน้าไปมากแล้ว

ส่วนที่ด่านชายแดนสุไหงโก-ลกขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรับงบประมาณสนับสนุนเพื่อมาดำเนินการก่อสร้างลานจอดรถและจุดขนถ่ายสินค้าที่สามารถรองรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ได้คล่องตัวเพื่อรองรับการนำเข้าและส่งออกสินค้า ซึ่งในปี 2553คาดว่าจะมีมูลค่ารวมมากกว่า 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการสำรวจพื้นที่ก่อสร้างสะพานคู่ขนานสุไหงโก-ลก-รันตูบันยัง ซึ่งตามกรอบการเจรจาระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย สะพานแห่งนี้จะเป็นความรับผิดชอบของมาเลเซีย ส่วนการบำรุงรักษาอยู่ที่การตกลงของทั้ง2ฝ่าย

อย่างไรก็ตามเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีประชาชนเข้ามาบุกรุกเพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดการล่าช้าในการก่อสร้างและอาจเป็นปัญหาในระยายาว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปเจรจาเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ส่วนรัฐบาลจะดำเนินการแก้ปัญหาในภาพรวมผ่านโครงการที่ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 3,000ล้านบาทให้กับองค์กรพัฒนาเอกชนซึ่งจะเข้ามาดูแลด้านที่อยู่อาศัยแก่ประชาชนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งการก่อสร้าง ต่อเติมและซ่อมแซมรวม 40,000หลังคาเรือน

ส่วนข้อเรียกร้องของภาคเอกชน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยยืนยันจะเห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุดโดยสัปดาห์หน้าธนาคารพาณิชย์จะขยายเวลาปล่อยดอกเบี้ยผ่อนปรนอัตราร้อยละ1.5ต่อปี และในด้านการประกันภัยของภาคเอกชนในพื้นที่ซึ่งตามปกติภาคเอกชนจะต้องจ่ายเบี้ยประกันร้อยละ 3 ต่อปี แต่จากมาตรการช่วยเหลือภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำให้ต้องชำระเบี้ยประกันเพียงร้อยละ 0.2 ซึ่งในความเป็นจริงจะต้องดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 แต่ติดขัดที่สำนักงานธุรกิจการคลัง ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยรับที่จะไปเจรจาและจะนำผู้รับผิดชอบของกระทรวงการคลังมาร่วมหารือกับตัวแทนหอการค้าจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่ามีมาตรการใดที่จะเข้ามาส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบธุรกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกบ้าง


กำลังโหลดความคิดเห็น