กระบี่-“ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่” เรียกทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจปาล์มน้ำมัน ถกมาตรการเตรียมความพร้อมรับการเปิดการค้าเสรี ต้นปี 53 หวังแก้ปัญหาแบบครบวงจร
วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมปกาสัย ศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานการประชุมพิจารณาผลกระทบสินค้าปาล์มน้ำมัน ที่จะมีการเปิดเสรีการค้า หรือ (AFTA) สินค้าปาล์มน้ำมัน ในวันที่ 1 มกราคม 2553 โดยลดภาษีสินค้าน้ำมันปาล์มเหลือร้อยละ 0 ซึ่งคาดว่า จะส่งผลกระทบกับเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันโดยตรง เนื่องจากผู้ผลิตสินค้าปาล์มน้ำมันรายใหญ่ ที่เป็นคู่แข่งสำคัญของไทยคือประเทศมาเลเซีย ที่มีพื้นที่ปลูกกว่า 20 ล้านไร่
ทั้งนี้ มีตัวแทนจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในจังหวัดกระบี่ ตัวแทนเกษตรกร และตัวแทนลานเทรับซื้อปาล์มน้ำมัน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมกว่า 100 คน โดยในที่ประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานการดำเนินการแก้ปัญหา โดยวางกรอบมาตรการรองรับ เช่น การจัดบริหารการนำเข้า โดยกำหนดให้สินค้าปาล์มน้ำมันเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตนำเข้า และกำหนดคุณสมบัติของผู้นำเข้า และมาตรฐานการผลิต
นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ เพื่อวางกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาแบบกว้าง ๆ และจะได้มีการพูดคุยในรายละเอียดต่อไป โดยให้เสร็จสมบูรณ์ ไม่เกิน 1 เดือน เพื่อจะได้นำปัญหาของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน
ผู้ประกอบการโรงงานและลานเท ที่อาจจะเกิดขึ้นหลังการเปิดเสรีการค้าสินค้าปาล์มน้ำมัน เพราะเชื่อว่า จะมีการแข่งขันกันสูงในระหว่างประเทศผู้ค้าด้วยกัน ซึ่งผู้ที่อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงก็คือ เกษตรกร
สำหรับการแข่งขันกับต่างชาติผู้ค้าสินค้าน้ำมันนั้น จะสู้เพื่อความอยู่รอด โดยปัจจัยภายในที่ต้องแก้ไข คือ การจัดการคุณภาพทั้งระบบ ทั้งผู้ผลิต โรงงาน ลานเท ให้มีคุณภาพ สู้กับของต่างประเทศได้ ส่วนปัจจัยภายนอก ที่จะมีผลกระทบ ก็จะกำหนดเป็นนโยบายระดับจังหวัดนำเสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้เพื่อลดปัญหาและรองรับการแข่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ และในวันที่ 4 มกราคม 53 สิ่งที่ทางโรงงานจะจับมือกันปรับปรุงคุณภาพก็คือจะไม่รับซื้อผลปาล์มดิบ
วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมปกาสัย ศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานการประชุมพิจารณาผลกระทบสินค้าปาล์มน้ำมัน ที่จะมีการเปิดเสรีการค้า หรือ (AFTA) สินค้าปาล์มน้ำมัน ในวันที่ 1 มกราคม 2553 โดยลดภาษีสินค้าน้ำมันปาล์มเหลือร้อยละ 0 ซึ่งคาดว่า จะส่งผลกระทบกับเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันโดยตรง เนื่องจากผู้ผลิตสินค้าปาล์มน้ำมันรายใหญ่ ที่เป็นคู่แข่งสำคัญของไทยคือประเทศมาเลเซีย ที่มีพื้นที่ปลูกกว่า 20 ล้านไร่
ทั้งนี้ มีตัวแทนจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในจังหวัดกระบี่ ตัวแทนเกษตรกร และตัวแทนลานเทรับซื้อปาล์มน้ำมัน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมกว่า 100 คน โดยในที่ประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานการดำเนินการแก้ปัญหา โดยวางกรอบมาตรการรองรับ เช่น การจัดบริหารการนำเข้า โดยกำหนดให้สินค้าปาล์มน้ำมันเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตนำเข้า และกำหนดคุณสมบัติของผู้นำเข้า และมาตรฐานการผลิต
นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ เพื่อวางกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาแบบกว้าง ๆ และจะได้มีการพูดคุยในรายละเอียดต่อไป โดยให้เสร็จสมบูรณ์ ไม่เกิน 1 เดือน เพื่อจะได้นำปัญหาของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน
ผู้ประกอบการโรงงานและลานเท ที่อาจจะเกิดขึ้นหลังการเปิดเสรีการค้าสินค้าปาล์มน้ำมัน เพราะเชื่อว่า จะมีการแข่งขันกันสูงในระหว่างประเทศผู้ค้าด้วยกัน ซึ่งผู้ที่อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงก็คือ เกษตรกร
สำหรับการแข่งขันกับต่างชาติผู้ค้าสินค้าน้ำมันนั้น จะสู้เพื่อความอยู่รอด โดยปัจจัยภายในที่ต้องแก้ไข คือ การจัดการคุณภาพทั้งระบบ ทั้งผู้ผลิต โรงงาน ลานเท ให้มีคุณภาพ สู้กับของต่างประเทศได้ ส่วนปัจจัยภายนอก ที่จะมีผลกระทบ ก็จะกำหนดเป็นนโยบายระดับจังหวัดนำเสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้เพื่อลดปัญหาและรองรับการแข่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ และในวันที่ 4 มกราคม 53 สิ่งที่ทางโรงงานจะจับมือกันปรับปรุงคุณภาพก็คือจะไม่รับซื้อผลปาล์มดิบ