ระนอง-เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 จับกุม 2 หนุ่ม รปภ.ใช้วิทยุสื่อสารก่อกวนสัญญาณเครือข่ายวิทยุสื่อสารภาคประชาชนตามโครงการตาสับปะรด อ้างทำไปด้วยความคึกคะนอง
วันนี้ (9 ธ.ค.) พ.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 (ฉก.25) กองกำลังเทพสตรี สั่งการให้ พ.ต..ธนพันธ์ ศุภประเสริฐ หัวหน้าชุดปฏิบัติการข่าว หน่วย ฉก.ร.25 ตรวจสอบผู้ที่ใช้คลื่นวิทยุสื่อสารรบกวนสัญญาณคลื่นวิทยุสื่อสาร เครือข่ายภาคประชาชน ตามโครงการตาสับปะรด ของ กอ.รมน.ภาค 4 ทำให้ผู้ที่ใช้วิทยุสื่อสารในเครือข่ายกว่า 100 คน ไม่สามารถติดต่อสื่อสาร และรายงานเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้
จากการตรวจสอบพบว่า จุดปล่อยสัญญาณรบกวนอยู่ในเขตพื้นที่ ต.กะเปอร์ อ.กะเปอร์ จึงนำกำลังทหารออกตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า มีชายหนุ่ม 2 คน ทำหน้าที่ รปภ.โกดังเก็บเมล็ดกาแฟของบริษัทผลิตเครื่องดื่มชื่อดัง กำลังใช้วิทยุสื่อสารเครื่องแดง ส่งสัญญาณรบกวนอยู่ จึงควบคุมตัวไว้พร้อมวิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง
ทราบชื่อ นายบรรยงค์ อุทัยแสง อายุ 19 ปี และนายบัณฑิต เชิงชั้น อายุ 20 ปี โดยทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพว่า บริษัทรักษาความปลอดภัย ส่งให้มาดูแลโกดังเก็บเมล็ดกาแฟของบริษัทผลิตเครื่องดื่มกาแฟชื่อดัง ที่สหกรณ์การเกษตรกะเปอร์ โดยมอบวิทยุสื่อสารเครื่องแดงให้มาคนละเครื่อง ช่วงเวลาที่ว่างไม่รู้จะทำอะไร
จึงได้จูนความถี่ให้ตรงกับเครือข่ายโครงการตาสับปะรด แล้วกดปุ่มส่งของวิทยุสื่อสารค้างไว้ หรือบางครั้งเปิดเพลงใส่ เพื่อรบกวนไม่ให้ผู้ที่ใช้เครือข่ายติดต่อสื่อสารกันได้ บางครั้งจะแอบอ้างใช้รหัสของผู้อื่นมาพูดผ่านวิทยุสื่อสาร เพื่อก่อกวน ยอมรับว่า ทำไปเพื่อความคึกคะนอง ขอยอมรับผิด
พ.ต.ธนพันธ์ ศุภประเสริฐ หัวหน้าชุดปฏิบัติการข่าว หน่วย ฉก.ร.25 กล่าวว่า แม้ว่าวิทยุเครื่องแดงประชาชนทั่วไปสามารถครอบครอง และใช้ความถี่ได้ แต่ถ้าการใช้งานมีความจงใจไปก่อกวนบุคคลอื่น ก็ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2484 ตามมาตรา 26 ผู้ใดจงใจกระทำให้เกิดการรบกวน หรือขัดขวางต่อการส่ง หรือรับวิทยุคมนาคม
มีความผิดต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งในช่วงที่ถูกก่อกวนสัญญาณเครือข่ายไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ทำให้ไม่สามารถรายงานเหตุการณ์และการขอความช่วยเหลือจากผู้ประสบเหตุอันตราย ก็ไม่สามารถกระทำได้เช่นกัน ถือว่าส่งผลกระทบต่อความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม ถือว่าผู้กระทำทั้ง 2 คน ทำไปด้วยความคึกคะนองทางผู้บังคับบัญชาขอให้ว่า กล่าวตักเตือน และทำทะเบียนประวัติไว้แล้วปล่อยตัวไปก่อน เพราะไม่อยากให้เสียอนาคต และขอเตือนให้ผู้ที่ใช้วิทยุสื่อสารทั่วไปว่า อย่าใช้วิทยุสื่อสารในทางที่ผิด หรือก่อกวนผู้อื่นหากเจ้าหน้าที่จับกุมได้ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที ซึ่งมีโทษที่ค่อนข้างรุนแรง.