“หากพรรคการเมืองใหม่อยากจะได้ฐานเสียงในทางภาคใต้บ้าง ต้องเพลาๆ เรื่องหาเรื่องด่าพรรคประชาธิปัตย์ลงหน่อย เพราะคนภาคใต้เขารักจริงรักยั่งยืน หากยังเป็นแบบนี้ คุณหาเสียงหนักเพียงใดในภาคใต้ก็ไม่มีวันได้แม้แต่เสียงเดียว ...”
การสร้างการเมืองใหม่ตามแนวทางของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายใต้พรรคการเมืองชื่อเดียวกันคือ “พรรคการเมืองใหม่” ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานทางการเมืองของประเทศไทยเสียใหม่ให้เป็น การเมืองของภาคประชาชน ดำเนินการโดยประชาชน และเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง นั้นดูจะไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการเมืองใหม่เกิดขึ้นจริงย่อมส่งผลกระทบต่อบรรดาพรรคการเมืองเก่าที่ยังคงทำการเมืองแบบเดิม ซึ่งแน่นอนว่าพรรคการเมืองเหล่านี้ซึ่งยังคงมีฐานอำนาจเก่าอยู่มากมายย่อมต้องใช้กลยุทธ์ทุกวิธีที่จะสกัดกั้นไม่ให้การเมืองใหม่ได้เกิด
โดยเฉพาะในภาคใต้ที่ว่ากันว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นฐานเสียงสำคัญของ “พรรคการเมืองใหม่” เนื่องจากในการชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งแต่ปี 2549 จนถึง 193 วันในปี 2551 นั้น “คนใต้” ถือเป็นกำลังที่มีสัดส่วนมากที่สุด แต่ทว่าสุ้มเสียงจากคนใต้จำนวนหนึ่งกลับยืนยันว่า แม้พันธมิตรฯ จะตั้ง “พรรคการเมืองใหม่” โดยมี นายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ถือธงนำเป็นหัวหน้าพรรคและรองหัวหน้าพรรค ก็ยากที่จะฝ่าด่าน “เจ้าถิ่น” อย่างพรรคประชาธิปัตย์ที่ยึดครองพื้นที่มานานนม จนบางคนถึงกับเปรียบเปรยว่า แม้จะส่งเสาไฟฟ้าลงก็ได้รับเลือก
แต่ถึงกระนั้น ในจังหวัดเล็กๆ ในภาคใต้อย่างจังหวัดระนองกลับสามารถตอกเสาเข็ม วางรากฐานการเมืองใหม่ได้ภายในระยะเวลาไม่นานนัก ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของเหล่าพี่น้องพันธมิตรฯ ทั่วทุกตำบล ทุกอำเภอในระนอง ที่ร่วมกันก่อร่างวางแนวทางการเมืองที่เป็นของพวกเขาเอง มีการสร้างเครือข่ายการทำงานอย่างเป็นระบบ และช่วยกันเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แนวทางของการเมืองใหม่เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ชาวบ้านอันจะเป็นการขยายฐานเครือข่ายให้เพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคต
มีเอกภาพจึงมีพลัง
ว่ากันว่าการสร้างการเมืองใหม่ในระนองนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากหัวเรือใหญ่อย่าง “โกแอ้” ชวเลิศ สายน้ำใส แกนนำพันธมิตรฯ จ.ระนอง ซึ่งเป็นแกนนำในการระดมพลเข้าร่วมเคลื่อนไหวในการชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรฯเพื่อขับไล่รัฐบาลระบอบทักษิณ รวมทั้งช่วยกระจายข่าวสารให้ชาวระนองรับรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเลวร้ายในการบริหารของรัฐบาลภายใต้ระบอบทักษิณ และออกมาช่วยกันปกป้องประเทศชาติและสถาบัน กระทั่งปัจจุบันโก้แอ้ก็ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนการเมืองใหม่ในระนองจนเกิดเป็นรูปเป็นร่างและกำลังก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง
“โกแอ้” เปิดเผยถึงการทำงานเพื่อสร้างการเมืองใหม่ของชาวจังหวัดระนองว่า พวกตนเน้นการทำงานร่วมกับพี่น้องพันธมิตรฯที่อยู่ในชุมชนต่างๆ ทั้งในระดับหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ซึ่งต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ ที่อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่กรรมการบริหารพรรคเท่านั้น และหัวใจสำคัญที่ทำให้การเมืองใหม่ในระนองเติบโตอย่างรวดเร็วก็คือความมีเอกภาพในการทำงาน โดยเมื่อที่ประชุมเครือข่ายพันธมิตรฯระนองมีมติออกมาเช่นไรแล้วทุกคนก็ยินดีที่จะปฏิบัติตาม
“ที่ระนองเรามีศูนย์ประสานงานอยู่ในทุกอำเภอ ทุกชุมชน เวลามีอะไรเราก็จะแจ้งข่าวให้พันธมิตรฯ ในแต่ละพื้นที่รับทราบ และให้ทุกคนมีส่วนร่วม ถ้าจะมีประชุมก็ต้องแจ้งล่วงหน้าให้ทุกชุมชนทราบ ถ้าแกนนำชุมชนไม่มาก็ต้องส่งตัวแทนมา และเมื่อประชุมเสร็จก็ต้องกลับไปแจ้งในมวลชนในพื้นที่ทราบว่าประชุมกันเรื่องอะไร จะเดินไปอย่างไรกัน คือเราจะทำงานกันแค่ 4-5 คน ก็อยู่ไม่ได้ ต้องมีเครือข่าย ทุกชุมชน ทุกหมู่บ้าน ต้องมีส่วนร่วม ถ้าทำงานกันอยู่เฉพาะในกลุ่มแกนนำไม่กี่คนมันก็ไม่ใช่การเมืองใหม่ ก็เหมือนกับการเลือกหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ซึ่งต้องถามมติของที่ประชุมก่อน เมื่อ พันธมิตรฯ ทุกคนโหวตให้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นหัวหน้าพรรค คุณสนธิก็ต้องรับ
จังหวัดระนองโชคดีที่เป็นจังหวัดเล็ก มีแกนนำจังหวัดแค่คนเดียว การทำงานของพันธมิตรฯ ระนองจึงเป็นเอกภาพและเข้มแข็งมาก เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่ว่าพันธมิตรฯ ในอำเภอเมืองก็ทำไป พันธมิตรฯ อำเภอกะเปอร์ก็ทำไป พันธมิตรฯ อำเภอกระบุรีก็ทำของตัวเองไป ต่างทำต่างทำ เราไม่ใช่แบบนั้น เรามีศูนย์กลางอยู่จุดเดียว ประสานงานทั้งจังหวัด จะทำอะไรเราขับเคลื่อนพร้อมกันหมด ไม่เหมือนจังหวัดใหญ่ๆ ซึ่งพื้นที่กว้าง มีแกนนำหลายกลุ่ม ต่างคนต่างความเห็น ปัญหาเลยเยอะ แล้วมวลชนทั้งจังหวัดระนองเขาให้การยอมรับผม ซึ่งอาจเป็นเพราะผมมีความชัดเจนว่าต้องการทำเพื่อปกป้องบ้านเมือง ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ผมว่าการทำงานการเมืองนั้นอันดับแรกมวลชนต้องศรัทธาในตัวแกนนำก่อน ก็เหมือนคุณสนธิ ถ้ามวลชนไม่ศรัทธาเขาก็คงไม่ไปร่วมชุมนุมที่ทำเนียบฯมากมายขนาดนั้น” โกแอ้ กล่าวถึงการขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯระนอง
เร่งขยายเครือข่าย
สำหรับการวางรากฐานการเมืองใหม่ในระนองนั้น แกนนำ จ.ระนอง ระบุว่า พันธมิตรฯ มีการทำงานกันเป็นทีม โดยผู้ประสานงานเครือข่ายในแต่ละพื้นที่จะออกรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนและขยายเครือข่ายการเมืองใหม่ให้กว้างขวางขึ้น มีการติดตั้งจานเอเอสทีวีเพื่อให้ชาวบ้านได้รับทราบข้อมูลข่าวสารในหลากหลายแง่มุม และทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยซึ่งสื่อส่วนใหญ่ไม่กล้านำเสนอ อีกทั้งยังเตรียมที่จะจัดตั้งสถานีวิทยุชุมชนของพันธมิตรฯ เพื่อเป็นช่องทางในการกระจายข่าวสารไปยังชาวบ้านทั่วไปอีกด้วย
“โกแอ้” อธิบายถึงการทำงานของเครือข่ายพันธมิตรฯระนองในช่วงที่ผ่านมาต่อไปอีกว่า
“ที่ผ่านมาเราทำงานเชิงรุก โดยจะเน้นไปที่กลุ่มชาวบ้านที่ยังไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารทางการเมืองแบบรอบด้าน กลุ่มที่ไม่เคยดูเอเอสทีวี โดยเราได้เอาจานเอเอสทีวีไปติดตั้งในหมู่บ้าน ไปติดตามศาลาซึ่งเป็นที่พบปะของคนในชุมชน ประกอบกับตอนนี้เรามีพันธมิตรฯ ที่ได้รับเลือกเป็น อบต.ช่วยในการประสานและเผยแพร่ข้อมูลด้วย แล้วก็กำลังจะทำวิทยุชุมชนเพื่อช่วยกระจายข่าวสารอีกทาง ซึ่งวิทยุชุมชนจะดีตรงที่สามารถเข้าถึงประชาชนได้ทุกกลุ่ม ทุกเวลา ไม่ว่าจะทำนาทำสวน กรีดยาง ขับรถ เขาก็ฟังได้ตลอด
จากที่ประเมิน ตอนนี้คนระนองรู้จักพรรคการเมืองใหม่กันมากพอสมควรแล้ว โดยเรามีการนำใบปลิวแนะนำพรรคการเมืองใหม่และชักชวนให้ชาวบ้านสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคไปแจก ทำไป 5,000 ใบ แจกจ่ายทั่วทั้งจังหวัดเลย แล้วก็แจ้งไปยังพันธมิตรฯ ว่าในสัมมนาพันธมิตรฯระนองซึ่งจะมีขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ให้ทุกคนที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคเตรียมเอกสารและบัตรประชาชนไปให้พร้อม จะได้สมัครในวันนั้นเลย ดังนั้นเชื่อว่าในวันสัมมนาเราจะได้สมาชิกเป็นพันคนเลยทีเดียว”
ทั้งนี้พันธมิตรฯ จ.ระนอง จะมีการประชุมใหญ่เพื่อเสวนาเรื่องการเมืองใหม่ ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2552 โดยในงานดังกล่าวจะมีการเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ รวมทั้งเปิดตัวผู้ลงสมัคร ส.ส. จังหวัดระนอง ในนามพรรคการเมืองใหม่ โดยจะจัดในรูปแบบโต๊ะจีน จำนวน 300-400 โต๊ะ
บัณฑิต ไตรสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรฯ จ.ระนอง หนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงในการขยายเครือข่ายการเมืองใหม่ในระนอง เล่าถึงวิธีการทำงานด้วยว่า
“ส่วนมากผมจะช่วยประสานงานกับพันธมิตรฯระนอง เวลาที่แกนนำพันธมิตรฯ ประกาศระดมคน มีการชุมนุมใหญ่ ผมก็จะประสานพาคนขึ้นไป ส่วนการประชาสัมพันธ์เรื่องการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ของชาวระนองนั้น พันธมิตรฯที่นี่ส่วนใหญ่เขามีใบสมัครกันแล้วเพราะเขาได้ใบสมัครจากตอนที่ไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ แต่บางจุดที่ยังเจาะยากก็คือคนที่ยังเหนียวแน่นกับพรรคการเมืองเดิม ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็ดูเอเอสทีวีกันและก็เอนเอียงมาทางพรรคการเมืองใหม่เยอะพอสมควร บางคนก็ตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเดิมเพื่อมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ อย่างคนที่ผมรู้จักเขาเคยชอบประชาธิปัตย์ แต่พอมีพันธมิตรฯ เขาก็ไปร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวด้วยทุกครั้ง ประกอบกับปัจจุบันเขาก็ไม่ปลื้ม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ท่าไร เพราะช้ำใจมาหลายสมัยแล้ว ...”
สร้างรากฐานการเมืองท้องถิ่น
อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่พันธมิตรฯระนองมองว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางรากฐานการเมืองใหม่ในระนองก็คือการสร้างฐานการเมืองในระดับท้องถิ่น เพราะหากพันธมิตรฯเข้าไปมีที่นั่งในการเมืองระดับท้องถิ่นได้การจะขยายไปยังการเมืองระดับชาติก็จะง่ายขึ้น อีกทั้งการเมืองระดับท้องถิ่นยังเป็นฐานให้แก่การดำเนินงานการเมืองในระดับชาติอีกด้วย ดังนั้นในการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ครั้งที่ผ่านมา พันธมิตรฯระนองจึงได้ส่งผู้สมัครลงชิงตำแหน่ง สมาชิก อบต. แต่เนื่องจากในขณะนี้พรรคการเมืองใหม่ยังไม่ได้รับการรับรองการจดทะเบียนพรรคการเมืองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงเป็นการส่งลงสมัครในนามพันธมิตรฯ แทน
แกนนำพันธมิตรฯระนอง ขยายความให้ฟังถึงกรณีนี้ว่า “ ตอนนี้กลุ่มพันธมิตรฯในระนองเราขับเคลื่อนการเมืองในระดับท้องถิ่นด้วย เช่น อบต. สมาชิกสภาเทศบาล โดยเราเอามวลชนของเราซึ่งเป็นเสื้อเหลืองไปลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนักการเมืองระดับท้องถิ่น ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก การเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ใน 5 อบต. พันธมิตรฯเราส่งไป 7 คน ได้รับเลือกถึง 5 คน และหากเรามีคนของเราไปเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เช่น อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือสมาชิกสภาเทศบาล ก็จะเป็นการสร้างรากฐานทางการเมืองของพันธมิตรฯให้แข็งแกร่งขึ้น การที่เราจะไปมองที่ยอด คือการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเดียว แต่เราไม่มีฐานเสียงในพื้นที่เลย มันก็เดินไม่ได้” โกแอ้ อธิบายถึงการวางรากฐานการเมืองท้องถิ่น
มั่นใจเป็นตัวเลือกที่ดี
จากการทำงานอย่างเข้มข้นของเครือข่ายพันธมิตรฯ ระนอง ในการวางรากฐานและขยายแนวร่วมในการสร้างการเมืองใหม่ในจังหวัดระนองตลอด 1 ปีที่ผ่านมานั้น ทำให้บรรดาแกนนำเชื่อมั่นว่า การจะรุกคืบเข้าไปสู่การเมืองระดับชาติโดยการส่งตัวแทนพันธมิตรฯระนองเข้าไปนั่งในสภาผู้แทนราษฎร์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าก็คงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนัก
“ตอนนี้คนระนองกำลังอยากได้ ส.ส.คนใหม่ เพราะในช่วง 2-3 สมัยที่ผ่านมา ส.ส.เดิม ซึ่งมาจากพรรคเดิมไม่ทำงาน เขาไม่มาสนใจคนชั้นกลางและชั้นล่างซึ่งมีปัญหาเดือดร้อนเรื่องผลผลิต เพราะพื้นที่ระนองส่วนใหญ่ทำการเกษตร เช่น ปลูกลองกอง มังคุด ยางพารา แต่ ส.ส.ไม่มาสนใจเลย เขาจะดูแลพวกระดับนายทุนในเกาะสนมากกว่า ทำให้ประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง ซึ่งในส่วนของพันธมิตรฯนั้นตอนนี้เราก็ได้ตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรคการเมืองใหม่แล้ว โดยมาจากการคัดเลือกของที่ประชุมพันธมิตรฯระนอง ซึ่งคัดกันมาตั้งแต่ระดับตำบล อำเภอ จนถึงจังหวัด ให้มวลชนเสนอชื่อขึ้นมา แล้วช่วยกันเลือก ที่ผ่านมาชาวบ้านไม่มีตัวเลือกเขาก็ต้องเลือกประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์คิดว่าเอาเสาไฟฟ้ามาลงก็ได้ แต่ตอนนี้ชาวระนองมีพรรคการเมืองซึ่งเป็นของเราเองคือพรรคการเมืองใหม่ ถ้าเรามีคนของเราเป็นทางเลือกใหม่มันก็ไม่น่าไกลจากความเป็นจริง” โกแอ้ กล่าวอย่างมั่นใจ
ขณะที่ บัญฑิต ผู้ประสานงานพันธมิตรฯระนอง แสดงความเห็นว่า “เราคงต้องทำการบ้านเยอะ เพราะเราสู้กับพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ยังดูแต่ช่องฟรีทีวีจึงยังไม่ค่อยรู้ความจริง แล้วส่วนมากก็จะคิดแต่เรื่องทำมาหากิน เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เราก็ต้องดูว่าจะให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่เขายังไง แต่ผมเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าแพ้ชนะก็สูสีนะ แต่ต้องเดินเคาะประตูบ้านกันเต็มที่ ต้องอธิบายว่าพรรคการเมืองใหม่คืออะไร พรรคของเรามีนโยบายอย่างไร ช่วยแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้อย่างไร ซึ่งตรงนี้พันธมิตรฯในพื้นที่เขาก็พร้อมจะช่วยกันหาเสียงนะ”
ด้าน สมใจ เกิดอังวะ พันธมิตรฯ จ.ระนอง วัย 72 ปี บอกว่า “ คือดิฉันได้ไปร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวกับพันธมิตรฯด้วย ก็ดีใจที่ได้มีส่วนช่วยประเทศชาติของเรา แต่ถ้าไม่ได้ไปก็จะส่งเงินไปช่วย ครั้งหลังสุดก็ไปบริจาคเงินให้เอเอสทีวีและให้คุณวีระ สมความคิด โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าเราสามารถปักหลักการเมืองใหม่ในระนองได้แน่นอน และการส่งผู้สมัครลงชิงตำแหน่ง ส.ส.ในระนองก็มีความเป็นไปได้ เพราะตอนนี้คนเขาเบื่อ ส.ส.ของพรรคเดิม ที่ผ่านมาเราก็เคยเสนอให้พรรคเดิมเขาเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส.ระนอง แต่เขาบอกว่าไม่มีความผิดอะไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวได้ ดังนั้นถ้ามีผู้สมัครจากพรรคการเมืองใหม่เข้ามาก็น่าจะมีโอกาสเป็น ส.ส.”
อย่างไรก็ดี ชาวบ้านธรรมดาที่ก้าวเข้ามาเป็นแกนนำในการเคลื่อนไหว รวมพลชาวระนองเข้าร่วมขับไล่รัฐบาลภายใต้ระบอบทักษิณที่มีการโกงกินอย่างมโหฬาร และเป็นตัวตั้งตัวตีในการวางรากฐานสร้างการเมืองใหม่ในจังหวัดระนอง อย่าง “โกแอ้” แสดงทัศนะไว้อย่างน่าสนใจว่า
“ที่ผ่านมาในสภาฯ มันแก้อะไรไม่ได้ ไอ้พวก ส.ส.น้ำเน่าบอกว่าต้องแก้ไขในสภาฯ แล้วมันแก้ได้ไหม ไม่เคยแก้ได้ วิกฤติที่เกิดจากการบริหารงานของ ทักษิณ ชินวัตร พันธมิตรฯ เป็นคนเปลี่ยน รัฐบาลห่วยๆ อย่างสมัคร สุนทรเวช สมชาย วงศ์สวัสดิ์ พันธมิตรฯ เป็นคนเปลี่ยน เราเป็นคนลงมือปลูกข้าวจนเป็นต้นขึ้นมา เนวิน (เนวิน ชิดชอบ) มาถึงมาตักข้าวให้อภิสิทธิ์ (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) กิน อภิสิทธิ์ถือว่าเนวินมีบุญคุณ แต่ถ้าเราไม่ปลูกข้าว เนวินไม่มีสิทธิ์ตักข้าวให้อภิสิทธิ์กิน แล้วถามว่าอภิสิทธิ์เคยนึกถึงพวกเราไหม มันเจ็บไหมล่ะ อะไรก็ทูนให้พรรคภูมิใจไทย หนำซ้ำยังมาเหยียบย่ำพันธมิตรฯ แสดงว่าจริงๆแล้วเป้าหมายของเขามีอย่างเดียวคือให้เขาสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ให้เขาได้เป็นนายกฯ ถ้าไม่คิดอย่างนั้นคุณคงไม่ทำอย่างงี้ มันชัดเจนมาก
เพราะฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่พันธมิตรฯ จะลุกขึ้นมาตั้งพรรคของเราเอง ส่งคนของเราเข้าไปบริหารเอง เข้าไปแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศเอง บางคนถามว่าทำไมตอนแรกพันธมิตรฯไม่คิดมาเล่นการเมือง แต่ตอนนี้กลับตั้งพรรคการเมือง ก็เพราะว่าเราพึ่งใครไม่ได้แล้ว สถานการณ์บีบบังคับให้เรามาตรงนี้ เราจำเป็นต้องมี ส.ส.ของเราเองในสภาฯเพื่อเป็นเกราะกำบังให้เรา ถ้าที่ผ่านมานายกฯอภิสิทธิ์ทำในสิ่งที่เราเรียกร้อง พันธมิตรฯก็ไม่จำเป็นต้องตั้งพรรคให้เหนื่อย แต่รัฐบาลประชาธิปัตย์ไม่ทำอะไรตามที่รับปากไว้สักอย่าง มันเจ็บตรงนี้”
ไม่มีใครทราบว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมาถึงเมื่อไหร่ 3 เดือน 6 เดือน หรือจนกว่าจะถึงวาระในอีก 2 ปีข้างหน้า ทว่า วันนี้เหล่าพี่น้องพันธมิตรฯ ที่กำลังขับเคลื่อนการเมืองใหม่ใน “ระนอง” จังหวัดเล็กๆ ที่มีประชากรไม่ถึง 200,000 คน กลับไม่นิ่งดูดายต่อชะตากรรม และความเป็นไปของสังคมและบ้านเมือง พวกเขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการออกเดินทางไกล เพื่อก้าวไปสู่ “การเมืองใหม่” ที่พวกเขาใฝ่ฝันถึง เป็นก้าวเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ของการเมืองไทย
* * * * * * * * * *
เรื่อง – จินดาวรรณ สิ่งคงสิน