“สุเทพ-ผบ.ทบ.” เยี่ยมเจ้าหน้าที่ใน จชต.

ยะลา - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ควง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เดินทางตรวจเยี่ยม และติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายความมั่นคง) พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และคณะได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม ติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

พร้อมทั้งได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายหารขับเคลื่อนแผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้ดูการสาธิตการใช้เครื่อง จีที 200 ตรวจหาสารประกอบระเบิด ที่ไม่สามารถใช้เพียงอย่างเดียวได้ โดยต้องมีการใช้ควบคู่กับเครื่องหาค่าสารประกอบของระเบิดของทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์อีกด้วย

การเดินทางในพื้นที่ในครั้งนี้ มี พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสมพลเรือนตำรวจ ทหาร (ผบ.พตท.) พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชษฐ์ ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบ.ศชต.) พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ผู้แทนจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจหมายเลขตัวเดียว และหมายเลขสองตัว ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ร่วมให้การต้อนรับ และ เข้าร่วมในการประชุม

รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงกล่าวว่า ทางรัฐบาลมีเป้าหมายที่มีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา โดยได้น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาใช้ในพื้นที่

โดยเฉพาะเรื่องการให้ความเป็นธรรมแก่พี่น้องประชาชน การเคารพในสิทธิของประชาชน และ ปกป้องให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน พร้อมทั้งยังเน้นทางด้านการพัฒนา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ได้มาตรฐานในทุกๆ ด้าน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และด้านการศึกษา ให้มีความเท่าทียมกับพื้นที่ หรือ ภูมิภาคอื่นๆ

นอกจากนี้ ทางรัฐบาลได้มีการวางเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ โดยภายใน 3 ปี ประชาชนทุกคนจะต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 120,000 บาท ต่อครอบครัว ซึ่งในขณะนี้ ได้มีการดำเนินงานตามนโยบายการขับเคลื่อนแผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างฐานะความมั่นคงแก่ประชาชนในพื้นที่ จำนวน 696 หมู่บ้าน

โดยให้ประชาชนเลือกประกอบอาชีพเอง โดยผ่านกระบวนการประชาสังคม และมีการจัดทำบัญชีครัวเรือนที่มีฐานะยากจน เพื่อเข้ารับการช่วยเหลือ ส่วนการดำเนินการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เน้นการพัฒนา และการคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนทุกคน ซึ่งรัฐบาลมั่นใจว่า ภายในระยะเวลา 3 ปี ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และจะหันกลับมาให้ความร่วมมือกับภาครัฐมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน