ยะลา - รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง สั่งเจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มในการแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายที่เคารพสิทธิของประชาชน พร้อมให้ประชาชนรวมแก้ปัญหากับทางรัฐบาล เพื่อนำความสงบสุขกลับสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
วันนี้ (12 ต.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ความไม่สงบในปัจจุบันเริ่มดีขึ้น จำนวนเหตุการณ์ที่เกิดน้อยลง มีผู้บาดเจ็บ และมีผู้เสียชีวิตลดน้อยลง กว่าเดิม ซึ่งทางรัฐบาลเองก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในขณะนี้มีพี่น้องประชาชนในพื้นที่บางส่วน อดทนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ไหว ได้เรียกร้องให้รัฐบาลใช้ความเด็ดขาด ในการจัดการกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุร้ายในพื้นที่
รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องยึดมั่นในหลักการปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย ที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ พี่น้องประชาชนในพื้นที่เอง ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแส ร่วมมือกับทางรัฐบาล และทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ซึ่งจะสามารถป้องกันการแก้ไขเหตุการณ์ได้ในที่สุด แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และ ฝ่ายปกครอง นั้น จะต้องเข้มงวดกวดขันกันมากยิ่งขึ้น และทำงานอยู่ในกรอบของกฎหมายว่าด้วยการเคารพสิทธิของประชาชน
สำหรับนโยบายในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณ จำนวน 64,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่ โดยจะดำเนินการในเวลา 3 ปีติดต่อกัน โดยการจัดทำโครงการนั้น ให้ดำเนินการตามคำขอของประชาชน โดยผ่านกระบวนการประชาสังคม ซึ่งมีผู้นำหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา ช่วยกันคิดกันกลั่นกรอง แล้วรัฐบาลจะดูแลสนับสนุนให้ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี โดยได้ตั้งตัวเลขเอาไว้ที่ปีละ 120,000 บาทต่อครอบครัวต่อปี
สำหรับการคัดเลือกครอบครัวเข้าร่วมโครงการ กรรมการหมู่บ้าน จะเป็นผู้คัดเลือก ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ได้ เพราะเมื่อประชาชนพ้นจากความยากจน อยู่อย่างมีความสุข และถ้าหากมีฐานะดี คงไม่มีใครที่จะดินรนที่จะแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไขปัญหา แต่ทุกๆ ฝ่ายก็ต้องทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด
ทั้งนี้ หากประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะร่วมแก้ปัญหากับทางรัฐบาล ตนเองเชื่อว่าจะสามารถนำความสงบสุขกลับสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างแน่นอน
วันนี้ (12 ต.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ความไม่สงบในปัจจุบันเริ่มดีขึ้น จำนวนเหตุการณ์ที่เกิดน้อยลง มีผู้บาดเจ็บ และมีผู้เสียชีวิตลดน้อยลง กว่าเดิม ซึ่งทางรัฐบาลเองก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในขณะนี้มีพี่น้องประชาชนในพื้นที่บางส่วน อดทนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ไหว ได้เรียกร้องให้รัฐบาลใช้ความเด็ดขาด ในการจัดการกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุร้ายในพื้นที่
รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องยึดมั่นในหลักการปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย ที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ พี่น้องประชาชนในพื้นที่เอง ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแส ร่วมมือกับทางรัฐบาล และทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ซึ่งจะสามารถป้องกันการแก้ไขเหตุการณ์ได้ในที่สุด แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และ ฝ่ายปกครอง นั้น จะต้องเข้มงวดกวดขันกันมากยิ่งขึ้น และทำงานอยู่ในกรอบของกฎหมายว่าด้วยการเคารพสิทธิของประชาชน
สำหรับนโยบายในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณ จำนวน 64,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่ โดยจะดำเนินการในเวลา 3 ปีติดต่อกัน โดยการจัดทำโครงการนั้น ให้ดำเนินการตามคำขอของประชาชน โดยผ่านกระบวนการประชาสังคม ซึ่งมีผู้นำหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา ช่วยกันคิดกันกลั่นกรอง แล้วรัฐบาลจะดูแลสนับสนุนให้ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี โดยได้ตั้งตัวเลขเอาไว้ที่ปีละ 120,000 บาทต่อครอบครัวต่อปี
สำหรับการคัดเลือกครอบครัวเข้าร่วมโครงการ กรรมการหมู่บ้าน จะเป็นผู้คัดเลือก ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ได้ เพราะเมื่อประชาชนพ้นจากความยากจน อยู่อย่างมีความสุข และถ้าหากมีฐานะดี คงไม่มีใครที่จะดินรนที่จะแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไขปัญหา แต่ทุกๆ ฝ่ายก็ต้องทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด
ทั้งนี้ หากประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะร่วมแก้ปัญหากับทางรัฐบาล ตนเองเชื่อว่าจะสามารถนำความสงบสุขกลับสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างแน่นอน