ชุมพรบังคับใช้กฎอัยการศึกควบคุมเข้มพื้นที่ป่าชายแดนไทย-พม่าแล้ว

ชุมพร - จังหวัดชุมพรประกาศใช้กฎอัยการศึก ควบคุมพื้นที่ป่าอนุรักษ์ชายแดนไทย-พม่า ด้านอำเภอท่าแซะ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2 แสนไร่ หลังแก๊งค้าแรงงานเถื่อนใช้เป็นเส้นทางลักลอบเข้าเมือง และนายทุน นักการเมืองท้องถิ่น บุกรุก ตัดไม้ ยึดครองพื้นที่เสียหายไปแล้วกว่า 2 หมื่นไร่

จากกรณีที่จังหวัดชุมพร ร่วมกับทหารสนธิกำลังหน่วยงานเกี่ยวข้อง เข้าไปตรวจยึดผืนป่า ที่ถูกกลุ่มนายทุน นักการเมืองท้องถิ่น หัวคะแนนนักการเมือง ว่าจ้างแรงงานต่างด้าวเข้าไปตัดโค่นไม้ใหญ่แปรรูปทำไม้เถื่อน บุกรุกแผ้วถาง ทำลายผืนป่าเป็นป่าเสื่อมโทรม เพื่อยึดครองที่ดินไปแล้วกว่า 2 หมื่นไร่ ทั้งล่าสัตว์ป่า และลักลอบขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง บริเวณเขตชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร นั้น

ล่าสุด นายสุรชัย อุทัยรัตน์ นายอำเภอท่าแซะ รักษาราชการแทนปลัด จ.ชุมพร พร้อมด้วย พ.อ.ทิม เรือนโต เสนาธิการหน่วยเฉพาะกิจ ทหารราบที่ 25 กองกำลังป้องกันชายแดนไทย-พม่า ค่ายเทพสตรี พร้อมด้วยกองกำลังกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จ.ชุมพร

เข้าตรวจสอบพื้นที่ เพื่อขึ้นป้ายประกาศกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จ.ชุมพร เรื่องการสกัดกั้นและป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เพื่อความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-พม่า ตาม พระราชบัญญัติ กฎอัยการศึก พ.ศ.2457

เพื่อเป็นการสกัดกั้น และป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ เพื่อความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-พม่า บริเวณยอดเขาแนวตะเข็บชายแดนไทย-พม่า บ้านสะตงบน หมู่ 20 และบ้านพันวาล หมู่ 17 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยห้ามบุคคลใดเข้าไปหรืออาศัย หรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการยึดถือ ครอบครองที่ดินก่อสร้าง แผ้วถางเผาป่า

บุกรุกทำลายป่าไม้ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรมหลวงชุมพร บริเวณแนวชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 230,000 ไร่ อย่างเด็ดขาด หากผู้ใดฝ่าฝืนจะได้รับโทษตามกฎบัญญัติไว้ทุกกรณี

นายสุรชัย อุทัยรัตน์ นายอำเภอท่าแซะ รักษาราชการแทนปลัดจังหวัดชุมพร กล่าวว่า การประกาศใช้กฎอัยการศึกบริเวณแนวชายแดนพื้นที่ อ.ท่าแซะ ดังกล่าวนั้นความจริงเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกบริเวณดังกล่าวมานานแล้ว และยังไม่ได้มีการยกเลิกแต่อย่างใด ขณะนี้จึงได้นำมาบังคับใช้ เพื่อความรวดเร็วในการเข้าควบคุมพื้นที่

เนื่องจากปัญหาบริเวณแนวชายแดนไทย-พม่า จากข้อมูลการข่าวในเชิงลึก ทราบว่ากลุ่มนายทุน นักการเมืองท้องถิ่น แก๊งค้าแรงงานเถื่อน ซึ่งเป็นขบวนการเครือข่ายที่เกี่ยวโยงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน โดยกลุ่มขบวนการดังกล่าว ได้ว่าจ้างแรงงานต่างด้าวเข้าไปตัดโค่นทำไม้เถื่อน และบุกรุกแผ้วถางป่าให้เสื่อมโทรม เพื่อยึดครองที่ดิน ทำให้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ชายแดนเสียหายไปแล้วกว่า 2 หมื่นไร่

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ยังสามรถสกัดจับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองบริเวณดังกล่าวอีกกว่า 60 คน มีนายทุน แก๊งค้าแรงงานเถื่อนเข้าไปสร้างบ้านพักเป็นที่หลบอาศัยให้แก่แรงงานต่างด้าว ที่รับเข้ามารับจ้างทำงานบุกรุกป่าตามแนวชายแดน และมีแรงงานบางกลุ่ม เข้ามาหลบอาศัย เพื่อรอจังหวะหลบหนีเข้าเมืองไปทำงานตามพื้นที่อื่นๆ และที่ผ่านมา ยังสามรถจับกุมเครื่องกระสุน อาวุธปืนสงครามได้ถึง 2 ครั้งด้วยเช่นกัน

นายอำเภอท่าแซะ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้กลุ่มผู้มีอิทธิพล และนักการเมืองท้องถิ่น ยังได้จัดสรรที่ดินพื้นที่บุกรุกป่าสงวน ไปขายให้กับพวกนายทุน และชาวบ้านไปแล้วจำนวนมาก ทั้งนี้จากการที่ได้ส่งกำลังเข้าไปตรวจสอบยึดที่ดินกลับมานั้น พบว่า มีการซื้อขายพื้นที่ป่าสงวนกันไปแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์

ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลจากผู้รับซื้อที่ดิน ที่เจ้าหน้าที่กันไว้เป็นพยาน เพื่อติดตามจับกุมนายทุนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ดังนั้น จึงประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ขอให้ทุกคนออกจากพื้นที่ดังกล่าวโดยเด็ดขาดเพราะขณะนี้เป็นพื้นที่ใช้กฎอัยการศึกแล้ว

ด้าน พ.อ.ทิม เรือนโต เสนาธิการหน่วยเฉพาะกิจ ทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี กล่าวว่า รู้สึกสะเทือนใจเมื่อได้เห็นการบุกรุกทำลายผืนป่าที่สำคัญของจังหวัด โดยไร้จิตสำนึกของกลุ่มนายทุน และนักการเมืองท้องถิ่น ที่หวังเพียงเงิน และครอบครองที่ดินอย่างผิดกฎหมาย จึงขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเสีย เพราะผืนป่าแห่งนี้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานแห่งชาติ “เสด็จในกรมหลวงชุมพร” ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวชุมพร และชาวไทยทั่วประเทศ ให้ความเคารพสักการะ แต่กลับมาบุกรุกทำลาย ตนจึงขอให้ประชาชนทุกคนมาร่วมมือร่วมใจกันทำบุญบริจาคกล้าไม้ เพื่อร่วมกันฟื้นฟูปลูกผืนป่าให้กลับคืนสู่สภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืนต่อไป