ชุมพร - ชาวบ้านที่อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร กว่า 100 คน รวมตัวร้องขอความเป็นธรรมจากนายอำเภอท่าแซะ ให้เร่งหามาตรการช่วยเหลือ หลังได้รับความเดือดร้อนกรณีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าทำการรื้อบ้าน เผาผลอาสินพื้นที่ทำกินชายแดนไทย-พม่า
วันนี้ (21 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่บริเวณศาลาประชาคม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร มีชาวบ้านคลองกะใน หมู่ 20 ต.รับร่อ กว่า 100 คน ได้เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับ นายสุรชัย อุทัยรัตน์ นายอำเภอท่าแซะ เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ นำกำลังเข้าเผาทำลายบ้าน พร้อมขโมยทรัพย์สินไป ยึดที่ดินทำกินในพื้นที่อยู่อาศัย จนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
นางอุไรวรรณ เขมมารัตน์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 20 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร กล่าวว่า ตนเอง และชาวบ้านพื้นที่คลองกะใน กว่า 200 ครัวเรือน ได้อาศัยอยู่บริเวณแนวรอยต่อเขต อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร กับ อ.กระบุรี จ.ระนอง ใกล้ชายแดนไทย-พม่า ได้ปลูกพืชผลทางการเกษตรมากว่า 10 ปี จนออกดอกออกผลนำไปขายเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว
ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไป แจ้งว่า บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่อันตราย ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวก็ให้ความร่วมมือ แต่เมื่อชาวบ้านออกมาจากพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่กลับไปตัดเผาทำลายพืชผลอาสิน และบ้านเรือน แล้วยังลักขโมยทรัพย์สินของชาวบ้านไปด้วย ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน และจะต่อสู้เรื่องนี้ให้ถึงที่สุด โดยเตรียมยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือผ่าน นายสุวโรช พะลัง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้รับทราบ และช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
ด้าน นายสุรชัย อุทัยรัตน์ นายอำเภอท่าแซะ กล่าวว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมระบุว่า ปัญหาที่ดินทำกินในเขตพื้นที่รับผิดชอบมีเป็นจำนวนมากมาก อีกทั้งบางส่วนยังคาบเกี่ยวกับชายแดนด้วย ขณะที่ทางการพม่าเอง ก็ได้ฟ้องร้องประเทศไทย ไปถึง ยูเอ็น หรือ สหประชาชาติ ด้วย
กล่าวหาว่า คนไทยบุกรุกแผ้วถางป่าปลูกปาล์มน้ำมันรุกล้ำ เข้าเขตพื้นที่พม่านับ 10,000 ไร่ และเรียกร้องให้ผู้บุกรุกออกไปจากพื้นที่ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ที่จะต้องเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง ส่วนกรณีนี้เบื้องต้นทราบว่า มีเจ้าหน้าที่เข้าไปรื้อทำลายขนำไป 3-4 หลัง เนื่องจากเป็นที่พักแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ที่ปลูกสร้างไว้พักอาศัยระหว่างรับจ้างแผ้วถางป่าบริเวณดังกล่าว
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นจะได้ทำหนังสือถึง นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร แม่ทัพภาคที่ 4 และกรมป่าไม้ เพื่อประชุมหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของชาวบ้านบ้านที่ได้รับความเสียหาย ประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง และเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ รวมถึงการพิสูจน์ในที่ทำกินของราษฎรด้วย ส่วนผลการหารือ และการประชุมร่วมจะเป็นอย่างใดจะแจ้งให้ชาวบ้านทราบต่อไป
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับกรณีปัญหาดังกล่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ทางกองกำลังป้องกันชายแดนไทย-พม่า ได้สนธิกำลังเข้ากวาดล้างจับกุมกลุ่มนายทุนที่เข้าทำลายผืนป่าดังกล่าว จากการตรวจสอบพบมีพื้นที่ถูกบุกรุกทำลายรวมกว่า 2 หมื่นไร่
และนอกจากนี้ ยังมีพื้นที่บางส่วนถูกกลุ่มนายทุน ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่น ได้ว่าจ้างแรงงานต่างด้าวชาวพม่า บุกรุกแผ้วถางรุกล้ำเข้าในเขตของประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายพันไร่ด้วย ทำให้ทางการทหารพม่ายื่นหนังสือประท้วงต่อทางการไทย
นอกจากนี้ กลุ่มนายทุน นักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งเป็นหัวคะแนนสำคัญของนักการเมืองใหญ่ หลอกลวงให้กลุ่มแรงงานคนไทยที่อพยพมาจากต่างถิ่น เข้าไปบุกรุก โดยอ้างว่า ภาครัฐกำลังจะจัดสรรพื้นที่ให้เข้าไปจับจองกรรมสิทธิ์ได้ ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อเป็นจำนวนนับร้อยราย
หลังจากที่สนธิกำลังเข้ากวาดล้างกลุ่มนายทุนที่บุกรุกป่า ทางทหารได้จัดกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองเข้าไปประจำการในพื้นที่บุกรุก พร้อมกับเตรียมฟื้นฟูผืนป่าที่มีการบุกรุกรวมกว่า 2 หมื่นไร่ให้กลับคืนมาอุดมสมบูรณ์ดังเดิม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสนองพระราชเสาวนีย์ของ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
วันนี้ (21 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่บริเวณศาลาประชาคม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร มีชาวบ้านคลองกะใน หมู่ 20 ต.รับร่อ กว่า 100 คน ได้เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับ นายสุรชัย อุทัยรัตน์ นายอำเภอท่าแซะ เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ นำกำลังเข้าเผาทำลายบ้าน พร้อมขโมยทรัพย์สินไป ยึดที่ดินทำกินในพื้นที่อยู่อาศัย จนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
นางอุไรวรรณ เขมมารัตน์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 20 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร กล่าวว่า ตนเอง และชาวบ้านพื้นที่คลองกะใน กว่า 200 ครัวเรือน ได้อาศัยอยู่บริเวณแนวรอยต่อเขต อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร กับ อ.กระบุรี จ.ระนอง ใกล้ชายแดนไทย-พม่า ได้ปลูกพืชผลทางการเกษตรมากว่า 10 ปี จนออกดอกออกผลนำไปขายเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว
ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไป แจ้งว่า บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่อันตราย ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวก็ให้ความร่วมมือ แต่เมื่อชาวบ้านออกมาจากพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่กลับไปตัดเผาทำลายพืชผลอาสิน และบ้านเรือน แล้วยังลักขโมยทรัพย์สินของชาวบ้านไปด้วย ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน และจะต่อสู้เรื่องนี้ให้ถึงที่สุด โดยเตรียมยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือผ่าน นายสุวโรช พะลัง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้รับทราบ และช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
ด้าน นายสุรชัย อุทัยรัตน์ นายอำเภอท่าแซะ กล่าวว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมระบุว่า ปัญหาที่ดินทำกินในเขตพื้นที่รับผิดชอบมีเป็นจำนวนมากมาก อีกทั้งบางส่วนยังคาบเกี่ยวกับชายแดนด้วย ขณะที่ทางการพม่าเอง ก็ได้ฟ้องร้องประเทศไทย ไปถึง ยูเอ็น หรือ สหประชาชาติ ด้วย
กล่าวหาว่า คนไทยบุกรุกแผ้วถางป่าปลูกปาล์มน้ำมันรุกล้ำ เข้าเขตพื้นที่พม่านับ 10,000 ไร่ และเรียกร้องให้ผู้บุกรุกออกไปจากพื้นที่ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ที่จะต้องเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง ส่วนกรณีนี้เบื้องต้นทราบว่า มีเจ้าหน้าที่เข้าไปรื้อทำลายขนำไป 3-4 หลัง เนื่องจากเป็นที่พักแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ที่ปลูกสร้างไว้พักอาศัยระหว่างรับจ้างแผ้วถางป่าบริเวณดังกล่าว
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นจะได้ทำหนังสือถึง นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร แม่ทัพภาคที่ 4 และกรมป่าไม้ เพื่อประชุมหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของชาวบ้านบ้านที่ได้รับความเสียหาย ประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง และเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ รวมถึงการพิสูจน์ในที่ทำกินของราษฎรด้วย ส่วนผลการหารือ และการประชุมร่วมจะเป็นอย่างใดจะแจ้งให้ชาวบ้านทราบต่อไป
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับกรณีปัญหาดังกล่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ทางกองกำลังป้องกันชายแดนไทย-พม่า ได้สนธิกำลังเข้ากวาดล้างจับกุมกลุ่มนายทุนที่เข้าทำลายผืนป่าดังกล่าว จากการตรวจสอบพบมีพื้นที่ถูกบุกรุกทำลายรวมกว่า 2 หมื่นไร่
และนอกจากนี้ ยังมีพื้นที่บางส่วนถูกกลุ่มนายทุน ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่น ได้ว่าจ้างแรงงานต่างด้าวชาวพม่า บุกรุกแผ้วถางรุกล้ำเข้าในเขตของประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายพันไร่ด้วย ทำให้ทางการทหารพม่ายื่นหนังสือประท้วงต่อทางการไทย
นอกจากนี้ กลุ่มนายทุน นักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งเป็นหัวคะแนนสำคัญของนักการเมืองใหญ่ หลอกลวงให้กลุ่มแรงงานคนไทยที่อพยพมาจากต่างถิ่น เข้าไปบุกรุก โดยอ้างว่า ภาครัฐกำลังจะจัดสรรพื้นที่ให้เข้าไปจับจองกรรมสิทธิ์ได้ ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อเป็นจำนวนนับร้อยราย
หลังจากที่สนธิกำลังเข้ากวาดล้างกลุ่มนายทุนที่บุกรุกป่า ทางทหารได้จัดกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองเข้าไปประจำการในพื้นที่บุกรุก พร้อมกับเตรียมฟื้นฟูผืนป่าที่มีการบุกรุกรวมกว่า 2 หมื่นไร่ให้กลับคืนมาอุดมสมบูรณ์ดังเดิม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสนองพระราชเสาวนีย์ของ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
