xs
xsm
sm
md
lg

รื้อปราสาทกลางถนนนครศรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - ทวงหลวง-นายอำเภอ-ผกก.ร่อนพิบูลย์ นครศรีฯ บุกรื้อปราสาทหินกลางถนนเจ้าสำนักสู้คดีนานนับ 10 ปี-ศาลสั่งจำคุก-ก่อนงัดข้อกฎหมายดำเนินการรื้อ จนท.จ่อเรียกค่ารื้อถอนนับแสนชาวบ้านเฮเปิดถนนครบทุกช่องจราจร

วันนี้ (7 ต.ค.) นายพงศว์เฑพ จิรสุขประเสริฐ นายอำเภอร่อนพิบูลย์ นครศรีธรรมราช นายโอม พรตตะเสน ผอ.สำนักทางหลวงที่ 14 (นครศรีธรรมราช) นายพูลศักดิ์ สาระคร ผอ.แขวงการทางนครศรีธรรมราชที่ 2 (ทุ่งสง) พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก.สภ.ร่อนพิบูลย์

พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ฝ่ายช่างแขวงการทาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 นาย เข้าปิดเส้นทางหลวงสายนครศรีธรรมราช-แยกสวนผัก ช่วง ม.6 ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อใช้อำนาจทางปกครองเข้าทำการ รื้อถอนปราสาทวังศิลาบรรทายทม หรือที่เรียกอีกชื่อว่า ปราสาทวิสนุ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายดังกล่าว ซึ่งมีบางส่วนของปราสาทรุกล้ำเข้ามาในผิวการจราจรถึง 7.25 เมตร

หลังจากที่มีการต่อสู้ทางคดีระหว่างแขวงการทางนครศรีธรรมราชที่ 2 (ทุ่งสง) กับ นายศักดา บุญรอด อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 432 ม.6 ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เทพตุ้งติ้ง” ที่เป็นข่าวโด่งดังเมื่อกว่า 10 ปีก่อน

ในการก่อสร้างปราสาทดังกล่าว เป็นเทวสถานตามความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์อย่างซับซ้อนมีการใช้หินทราย หินปูน หินศิลาแลง โดยการก่อเป็นปราสาทคล้ายกับปราสาทหินศิลปะแบบเขมร หรือศิลปะบาย ท่ามกลางแมกไม้หลายชนิดอย่างวิจิตรพิสดาร และมีการต่อเติมมาโดยตลอด ถนนที่อยู่บริเวณดังกล่าวจะต้องกลายเป็นคอขวด เนื่องจากตัวปราสาทและสิ่งปลูกสร้างได้ปลุกสร้างอยู่ในแนวผิวจราจร

นายมานิตย์ เกิดสมบัติ นิติกรกรมทางหลวง ซึ่งเป็นผู้ดูแลด้านคดีความในการต่อสู้ทางคดีระหว่างแขวงการทางนครศรีธรรมราช กับนายศักดา เปิดเผยว่าศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในคดีดำเลขที่ 250/2548 คดีแดงเลขที่ 2752/2550 ลงวันที่ 6 ธ.ค.52 โดยศาลอุทธรณ์อนุญาตรับฎีกาเนื่องจากเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง คดีจึงถึงที่สุด ในความผิดตามพรบ.ทางหลวง พ.ศ.2535 มาตรา 47 วรรค 1, มาตรา 71 พิพากษาจำคุกนายศักดา รวม 3 ปี และให้ลดโทษ 1 ใน 3 เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ คงเหลือจำคุก 2 ปี ฐานความผิดคือการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเขตทางหลวงโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนผู้ถนนเมื่อมีการแจ้งเตือนให้รื้อถอนแล้วไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ

นิติกรกรมทางหลวงกล่าวต่อว่าขณะนี้นายศักดาถูกจำคุกในฐานความผิดนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้เวลามาระยะหนึ่งแล้วโดยการแจ้งเตือนให้มีการรื้อถอนกับนางซุ่นลี่ บุญรอด มารดาของนายศักดา แต่ยังไม่มีการรื้อถอนเจ้าหน้าที่จึงใช้อำนาจทางปกครองบังคับคดีโดยการเข้ารื้อถอนเอง ซึ่งในการรื้อถอนนั้นทางฝ่ายจำเลยจะต้องชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งมีการประเมินที่ 110,880 บาท ซึ่งหลังจากนี้หากนางซุ่นลี่ หรือนายศักดาไม่สามารถชำระเงินจำนวนนี้ให้กับทางราชการได้ เจ้าหน้าที่จะบังคับคดีอีกครั้งโดยการสืบทรัพย์และทำการยึดทรัพย์จนได้ครบตามจำนวน

มีรายงานว่า สำหรับ นายศักดา บุญรอด นั้นมีการแต่งตัวคล้ายกับพราหมณ์ และเป็นที่เคารพนับถือของนักธุรกิจรายใหญ่ รวมทั้งข้าราชการระดับสูงหลายราย โดยมีความว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในปราสาทนั้นสามารถช่วยเหลือในด้านต่างๆ ได้ โดยนักธุรกิจผู้รับเหมารายใหญ่รายหนึ่งได้บนบานศาลกล่าวแล้วประสบความสำเร็จในการประมูลงานก่อสร้างเสมอ จนนักธุรกิจรายนั้นเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ในการสร้างปราสาท รวมทั้งข้าราชการระดับสูงต่างๆมักแวะเวียนไปพบกับนายศักดาก่อนที่จะถูกจำคุกบ่อยครั้ง ส่วนสิ่งของที่อยู่ภายในนั้นจะมีทั้งวัตถุโบราณ เทวรูปต่างๆ ที่นายศักดาให้ความเคารพ

ประเด็นปัญหาของปราสาทดังกล่าวนั้น สืบเนื่องจากการขยายช่องทางการจราจรของกรมทางหลวงเมื่อกว่า 10 ปีก่อน จึงมีการเวนคืนที่ดินในย่านนั้นแต่ติดปัญหาในส่วนของปราสาทดังกล่าว โดยที่เจ้าของปราสาทไม่ยินยอมให้มีการรื้อถอนแต่แขวงการทางได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยฝ่ายเจ้าของได้มีการต่อสู้มาตามลำดับจนกระทั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้มีคำพิพากษาและสั่งคดีถึงที่สุดโดยใช้เวลากว่า 10 ปี หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดเจ้าหน้าที่จึงใช้อำนาจทางปกครองเข้าดำเนินการ เปิดผิวการจราจรโดยการรื้อถอนแผ่นหินที่ถูกวางเรียงไว้ส่งผลให้ผิวการจราจรเต็มตลอดทั้งเส้น สร้างความพอใจให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน ขณะเดียวกันชาวบ้านในย่านดังกล่าวบางรายไม่ค่อยพอใจนักเนื่องจากความเคารพนับถือที่มีต่อนายศักดานั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น