ปัตตานี - คุณหญิงแพทย์หญิง พรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยความคืบหน้าการตรวจสอบแร่ที่เชื่อว่าคนร้ายนำไปประกอบระเบิดที่ อ.เบตง จ.ยะลา พบเป็น “แอนทราไซด์” ถ่านหินชนิดดีที่สุดและให้พลังงาน แนะรัฐบาลรีบจัดการเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ชาติ ก่อนคนร้ายนำไปใช้ประโยชน์
คุณหญิงแพทย์หญิง พรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ว่า กรณีที่ไปตรวจสอบพบแร่ที่สามารถประกอบระเบิดได้ บริเวณพื้นที่ ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา นั้น ซึ่งจากการนำไปตรวจพิสูจน์ในเบื้องต้น ยืนยันชัดเจนโดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรฯ พบว่า เป็นถ่านหินชนิดแอนทราไซด์ เป็นถ่านหินที่ดีที่สุด ในบรรดาถ่านหินทุกชนิด และให้พลังงานสูงสุด สารแอนตราไซด์ มีองค์ประกอบที่เป็นยูเรเนียมมาก นอกจากนี้ ยังมีสารซัลเฟอร์ และคาร์บอน ซึ่งสารยูเรเนียมใช้ในขบวนการทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมหลายอย่าง
ส่วนซัลเฟอร์กับคาร์บอน คนร้ายนำไปประกอบทำระเบิดได้ ซึ่งตอนเราพบนั้น ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งให้ ฉก.ในพื้นที่ดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายนำไปก่อเหตุอีก จากการตรวจสอบ แอนทราไซด์ มีมากแค่ไหนยังไม่ทราบ แต่ทราบจากชาวบ้าน ว่า มีข้าราชการเคยมาตรวจสอบแล้วเมื่อ 10 ปีที่แล้วและเงียบไป
ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยอีกว่า แร่ที่พบนี้สำคัญมาก เป็นสารที่มีค่าเป็นทรัพย์ในดิน ซึ่งเป็นถ่านหินที่ดีที่สุด ซึ่งประเทศออสเตรเลียมีการส่งออกถ่านหินนี้มาก ทำรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาล และไทยเองก็สั่งถ่านหินดังกล่าวมาใช้ในโรงงานไฟฟ้า เพราะเป็นถ่านหินที่ดีให้พลังงานสูงสุด ดังนั้น รัฐบาลต้องรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ
คุณหญิงแพทย์หญิง พรทิพย์ เผยอีกว่า จากการตรวจพบนั้น เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2551 นายถวัลศักดิ์ แปแนะ, นายมุกตาร์ มามะ พร้อมพวกรวม 4 คน ถูกจับบนเทือกเขากูนงชาลี อำเภอเบตง จังหวัดยะลา พร้อมอาวุธปืน และมีหมายจับของศาล โดยเฉพาะ นายถวัลศักดิ์ แปแนะ มีคดี 2 คดี คือ ก่อเหตุระเบิดช่วงปีใหม่ที่กรุงเทพมหานคร (ตามภาพวงจรปิดที่ห้างซีคอนสแควร์ แต่ต่อมาบุคคลในภาพยืนยันว่า ตนไม่ใช่ นายถวัลศักดิ์ แปแนะ แต่มีอาชีพเป็นนักแต่งเพลง) และอีกหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดยะลา แต่พบเฉพาะปืน ตรวจร่างกายพบสารระเบิด เจ้าหน้าที่ขยายผลโดยใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปรากฏว่า ขบวนการที่มีอยู่ไม่ใช่เฉพาะการยิงอย่างเดียว แต่มีการทำระเบิดเองด้วย โดย นายถวัลศักดิ์ สารภาพว่า นำวัตถุระเบิด เพาเวอร์เจล โดยโต๊ะอิหม่ามในพื้นที่สั่งการมาจากชายแดนนำเข้ามาหลายครั้งๆ ละหลายๆ แท่ง ส่วนทางด้าน นายมุกตาร์ มามะ ที่ถูกจับอีกคนหนึ่งนั้น เขาใช้วัตถุหลังบ้าน คือ แอนตราไซด์มาประกอบระเบิด
ทั้งนี้ จะเห็นว่า กลุ่มขบวนการได้ฝึกสอนทำระเบิดมีมากในพื้นที่ และนี่เป็นวิธีหนึ่ง ที่ทำแบบง่ายๆ โดยนำวัสดุที่หาได้ในพื้นที่มาทำระเบิด เป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่การประกอบวิธีระเบิดที่นำแอนทราไซด์มาทำนั้น อำนาจทำลายล้างไม่สูง แต่ก็ความเสียหายได้เหมือนกัน ดังนั้น ควรมีการป้องปราม มากกว่าปล่อยให้นำไปใช้เป็นวัตถุดิบทำระเบิด อย่างไรก็ตาม ก็ต้องติดตามคนที่สอนทำระเบิด คนเหล่านี้เรียนมีประวัติเรียน 2 สถานที่ คือ ที่กรุงเทพ กับในพื้นที่ ต้องไปแกะรอยดูว่ามีขบวนการเหล่านี้ที่กรุงเทพฯ หรือไม่และร่วมกับคนในพื้นที่อย่างไร
คุณหญิงแพทย์หญิง พรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ว่า กรณีที่ไปตรวจสอบพบแร่ที่สามารถประกอบระเบิดได้ บริเวณพื้นที่ ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา นั้น ซึ่งจากการนำไปตรวจพิสูจน์ในเบื้องต้น ยืนยันชัดเจนโดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรฯ พบว่า เป็นถ่านหินชนิดแอนทราไซด์ เป็นถ่านหินที่ดีที่สุด ในบรรดาถ่านหินทุกชนิด และให้พลังงานสูงสุด สารแอนตราไซด์ มีองค์ประกอบที่เป็นยูเรเนียมมาก นอกจากนี้ ยังมีสารซัลเฟอร์ และคาร์บอน ซึ่งสารยูเรเนียมใช้ในขบวนการทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมหลายอย่าง
ส่วนซัลเฟอร์กับคาร์บอน คนร้ายนำไปประกอบทำระเบิดได้ ซึ่งตอนเราพบนั้น ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งให้ ฉก.ในพื้นที่ดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายนำไปก่อเหตุอีก จากการตรวจสอบ แอนทราไซด์ มีมากแค่ไหนยังไม่ทราบ แต่ทราบจากชาวบ้าน ว่า มีข้าราชการเคยมาตรวจสอบแล้วเมื่อ 10 ปีที่แล้วและเงียบไป
ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยอีกว่า แร่ที่พบนี้สำคัญมาก เป็นสารที่มีค่าเป็นทรัพย์ในดิน ซึ่งเป็นถ่านหินที่ดีที่สุด ซึ่งประเทศออสเตรเลียมีการส่งออกถ่านหินนี้มาก ทำรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาล และไทยเองก็สั่งถ่านหินดังกล่าวมาใช้ในโรงงานไฟฟ้า เพราะเป็นถ่านหินที่ดีให้พลังงานสูงสุด ดังนั้น รัฐบาลต้องรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ
คุณหญิงแพทย์หญิง พรทิพย์ เผยอีกว่า จากการตรวจพบนั้น เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2551 นายถวัลศักดิ์ แปแนะ, นายมุกตาร์ มามะ พร้อมพวกรวม 4 คน ถูกจับบนเทือกเขากูนงชาลี อำเภอเบตง จังหวัดยะลา พร้อมอาวุธปืน และมีหมายจับของศาล โดยเฉพาะ นายถวัลศักดิ์ แปแนะ มีคดี 2 คดี คือ ก่อเหตุระเบิดช่วงปีใหม่ที่กรุงเทพมหานคร (ตามภาพวงจรปิดที่ห้างซีคอนสแควร์ แต่ต่อมาบุคคลในภาพยืนยันว่า ตนไม่ใช่ นายถวัลศักดิ์ แปแนะ แต่มีอาชีพเป็นนักแต่งเพลง) และอีกหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดยะลา แต่พบเฉพาะปืน ตรวจร่างกายพบสารระเบิด เจ้าหน้าที่ขยายผลโดยใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปรากฏว่า ขบวนการที่มีอยู่ไม่ใช่เฉพาะการยิงอย่างเดียว แต่มีการทำระเบิดเองด้วย โดย นายถวัลศักดิ์ สารภาพว่า นำวัตถุระเบิด เพาเวอร์เจล โดยโต๊ะอิหม่ามในพื้นที่สั่งการมาจากชายแดนนำเข้ามาหลายครั้งๆ ละหลายๆ แท่ง ส่วนทางด้าน นายมุกตาร์ มามะ ที่ถูกจับอีกคนหนึ่งนั้น เขาใช้วัตถุหลังบ้าน คือ แอนตราไซด์มาประกอบระเบิด
ทั้งนี้ จะเห็นว่า กลุ่มขบวนการได้ฝึกสอนทำระเบิดมีมากในพื้นที่ และนี่เป็นวิธีหนึ่ง ที่ทำแบบง่ายๆ โดยนำวัสดุที่หาได้ในพื้นที่มาทำระเบิด เป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่การประกอบวิธีระเบิดที่นำแอนทราไซด์มาทำนั้น อำนาจทำลายล้างไม่สูง แต่ก็ความเสียหายได้เหมือนกัน ดังนั้น ควรมีการป้องปราม มากกว่าปล่อยให้นำไปใช้เป็นวัตถุดิบทำระเบิด อย่างไรก็ตาม ก็ต้องติดตามคนที่สอนทำระเบิด คนเหล่านี้เรียนมีประวัติเรียน 2 สถานที่ คือ ที่กรุงเทพ กับในพื้นที่ ต้องไปแกะรอยดูว่ามีขบวนการเหล่านี้ที่กรุงเทพฯ หรือไม่และร่วมกับคนในพื้นที่อย่างไร