ครบรอบ 5 ปี สทน. เผย ครม.อนุมัติให้ ปส.โอนเครื่องปฏิกรณ์วิจัยให้แล้ว ขณะที่ศูนย์ผลิตเภสัชรังสีเตรียมเปิดดำเนินการ มิ.ย. 54 หวังผลิตรังสีใหม่มีมาตรฐาน พร้อมใช้รักษาผู้ป่วยได้มากขึ้น จัด 5 โครงการทำดี มอบเครื่องตรวจวัดรังสีให้โรงพยาบาล และทำสื่อการเรียนการสอนนิวเคลียร์ให้สถานศึกษา
หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2549 สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ได้เกิดขึ้นมาภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ซึ่งเป็นการแยกตัวออกจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) โดย ศ.ดร.ประสาท สืบค้า รักษาการ.ผอ.สทน. กล่าวว่า ภาระหน้าที่ของ ปส.คือการกำกับดูแลความปลอดภัยทางด้านนิวเคลียร์ ขณะที่ สทน. รับหน้าที่ในการวิจัยเพื่อนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ
“ถือว่าเป็นการแบ่งหน้าที่ ในการทำงานด้านนิวเคลียร์อย่างชัดเจน” ศ.ดร.ประสาทกล่าว พร้อมบอกด้วยว่า การดำเนินงานของ สทน.5 ปี ที่ผ่านมานั้น ได้ประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาเพื่อนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ ทั้งทางด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และทางการแพทย์
อีกทั้ง ศ.ดร.ประสาท ได้เปิดเผยถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในหลายด้าน อาทิ การใช้รังสีกับการอุตสาหกรรมอาหาร อย่างหอมหัวใหญ่ ถ้าต้องส่งออกไปไกล หรือใช้ระยะเวลานานในการขนส่ง หากฉายด้วยรังสีแกมม่า ก็จะเป็นการช่วยถนอมให้หอมหัวใหญ่ไม่งอกระหว่างทาง ก่อนไปถึงมือผู้บริโภคได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีอุตสาหกรรมอัญมณี ซึ่งในแต่ละปีประเทศไทยส่งออกเป็นมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งการนำรังสีมาใช้กับอุตสาหกรรมนี้ ก็จะช่วยให้อุตสาหกรรมอัญมณี และเครื่องประดับของไทย สามารถยืนหยัดและแข่งขันในตลาดโลกได้
“ส่วนทางการแพทย์นั้น คนที่เป็นโรคมะเร็ง มีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยเทคโนโลยีนิวเคลียร์อยู่มาก ซึ่งเทคโนโลยีตัวนี้จะช่วยให้ทั้งการวินิจฉัยและการรักษาโรคได้เช่นกัน” ศ.ดร.ประสาทอธิบาย
ทั้งนี้ ดร.วีระชัย วีระเมธีกุล รมว.วท. ได้มอบหมายให้ สทน. มุ่งเน้นในเรื่องการวิจัย และพัฒนาเพื่อนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ในด้านอาหาร และทางการแพทย์ให้มากยิ่งขึ้นด้วย โดยคาดว่าศูนย์ผลิตเภสัชรังสีแห่งใหม่ของ สทน. จะสามารถเปิดดำเนินการได้ในช่วงปลายเดือน มิ.ย.54 นี้
"จะทำให้ สทน.สามารถผลิตเภสัชรังสีชนิดใหม่ๆ ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทั้งยังสามารถผลิตเภสัชรังสีเพื่อรองรับกับความต้องการของผู้ป่วยที่รอรับการรักษาอยู่ในปัจจุบันให้เพิ่มมากขึ้นด้วย" ดร.วีระชัยกล่าว
อย่างไรก็ดี ดร.วีระชัย ยังเปิดเผยอีกว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติ ให้โอนเครื่องปฏิกรณ์วิจัยจาก ปส. มาให้ สทน. แล้ว เมื่อช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการจัดระบบการบริหารงาน ให้เป็นระบบ และตรงตามหน้าที่ของหน่วยงานด้วย
ทั้งนี้ สทน.ได้จัดงานครบรอบ 5 ปี ขึ้นเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 54 ณ ที่ทำการ สทน. อ.องครักษ์ จ.นครนายก โดย รักษาการ ผอ.สทน. เผยว่า ภายในปี 2554 นี้ ได้มุ่งดำเนินงานขับเคลื่อนเพื่อให้ได้รับรองมาตรฐาน ISO9000/2008 เพื่อทำให้องค์กรได้มีมาตรฐานและนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปใช้อย่างยั่งยืนต่อไป
พร้อมกันนี้ในโอกาสที่ สทน.มีอายุครบครึ่งทศวรรษ ทาง สทน.จึงได้จัดทำโครงการ 5 ปี 5 กิจกรรมทำดี ได้แก่ 1.การจัดเครื่องตรวจวัดปริมาณกัมมันตภาพรังสีจำนวน 84 เครื่อง เพื่อมอบให้แก่โรงพยาบาลขนาดเล็กในจังหวัดนครนายกและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งใช้งบทั้งหมด 1,600,000 บาท
2.การจัดทำสื่อการเรียนการสอนเกี่ยวกับเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เพื่อมอบให้แก่สถานศึกษาต่างๆ 20 แห่งทั่วประเทศ โดยร่วมมือกับรายการสมรภูมิไอเดีย, 3.การจัดทำเสื้อออกจำหน่าย เพื่อนำรายได้มาบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น และช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ ซึ่งในส่วนนี้ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว
4.การจัดทำแผ่นประคบร้อนเพื่อมอบให้แก่สถานพยาบาลขนาดเล็ก และสถานีอนามัยใน จ.นครนายก และ 5.มอบพันธุ์ไม้สวยงามให้แก่ชุมชนใน อ.องครักษ์ และพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อสร้างจิตสำนึกในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในสังคมไทย และสามารถช่วยลดปัญหาโลกร้อนด้วย.
