ปภ.ระดม จนท.เมืองลับแล-ซ้อมแผนรับมือเหตุวินาศกรรม-วัตถุอันตราย

อุตรดิตถ์ - จังหวัดอุตรดิตถ์จัดการฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากภัยการก่อวินาศกรรม ด้านสารเคมี และวัตถุอันตราย (รังสี)

วันนี้ (5 เม.ย.54) ที่บริเวณหน้าประตูเมืองอำเภอลับแล จ.อุตรดิตถ์ นายประทีป กีรติเรขา รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และนายคณิต เอี่ยมระหงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานในการเปิดการฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากภัยการก่อวินาศกรรม ด้านสารเคมี และวัตถุอันตราย (รังสี) ที่มีผลกระทบรุนแรง ประจำปี พ.ศ. 2554 (NBC 2010) และทดสอบแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านเชื้อเพลิงและพลังงาน ครั้งที่ 2 ประจำปี พ.ศ. 2554 โดยมีนายวิศักดิ์ วัฒน์ศัพท์ ผอ.สำนักบริหารยุทธศาสตร์ กรมธุรกิจพลังงาน ,นายสุรชัย ธัชกวิน หน.สนง.ปภ.จังหวัดอุตรดิตถ์ เข้าร่วมให้การต้อนรับ-สังเกตการณ์ด้วย

นอกจากนี้ยังมีวิทยากรพิเศษ พล.ท.หม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก มาบรรยายพิเศษให้ผู้เข้ารับการอบรมในครั้งนี้อีกด้วย

โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้จัดการฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในวันนี้เป็นการฝึกซ้อมการบัญชาการบนโต๊ะ (Table Top Exercise : TTX) และการปฏิบัติการภาคสนาม (Field Training Exercise : FTX)

และได้สมมติให้พื้นที่เทศบาลตำบลศรีพนมมาศ เป็นศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าเพื่อแก้ไขปัญหา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดอุตรดิตถ์ กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงกลาโหม สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) บริษัท บางจากปิโตเลียม จำกัด(มหาชน) บริษัท นิปปอนเคมิคอล จำกัด อำเภอลับแล เทศบาลตำบลศรีพนมมาศ เข้าร่วมฝึกซ้อม

โดยคาดหวังว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านสารเคมี และวัตถุอันตราย(รังสี) รวมทั้งด้านเชื้อเพลิงและพลังงานในประเทศไทยจะได้รับการพัฒนาและแลกเปลี่ยนความรู้ความสามารถ ในการตอบโต้ภัยพิบัติอันเกิดจากสารเคมีและ วัตถุอันตราย(รังสี) ให้เป็นไปอย่าง ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพตามบทบาทหน้าที่ เพื่อลดความเสียหายอันอาจจะเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้

ทั้งนี้ การดำเนินการฝึกซ้อมดังกล่าว เป็นไปตามมติ ครม.17 พ.ย.52 ที่เห็นชอบแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2553 - 2557 เพื่อใช้เป็นแผนปฏิบัติการสำหรับการบริหารวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญกับการฝึกซ้อมแผนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดการประสานงานและการบูรณาการแผนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง