ยะลา - ประธานสภาสันติสุขจังหวัดยะลา เผย การก่อเหตุระเบิดบนหลุมฝังศพของมุสลิม เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในสังคมมุสลิม ส่วนความคืบหน้าทางคดีคนร้ายลอบวางระเบิดและยิงถล่มกำนันเปาะจิ ขณะเดินทางไปเยี่ยม ทำความสะอาดและสวดดุอาร์ บนหลุมฝังศพของพ่อและพี่ชาย ที่สุสาน (กุโบร์) ขณะนี้ เจ้าหน้าที่รู้ตัวกลุ่มก่อเหตุแล้วคาดว่าน่าจะเป็น 2 แกนนำ อาร์เคเค คนสำคัญ ที่นำกำลังเคลื่อนไหวในพื้นที่บ้านปาดาฮัง อย่างไรก็ตาม ได้ส่งกำลังสะกดรอยติดตามแล้ว
วันนี้ (28 ก.ย.) จากกรณีมีคนร้ายลอบวางระเบิดและยิงถล่ม นายมะโซ๊ะ มะเต๊ะ หรือกำนันเปาะจิ กำนัน ต.ตะโล๊ะหอ อ.รามัน ขณะเดินทางไปเยี่ยม ทำความสะอาดและ สวดดุอาร์ บนหลุมฝังศพของพ่อและพี่ชาย ที่สุสาน (กุโบร์) บ้านบือแนบูเกะ หมู่ที่ 4 ต.ตะโล๊ะหะลอ จนเป็นเหตุให้นายอุสมาน สาและดิง อายุ 38 ปี อาสาสมัครประจำอำเภอรามัน ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิท ถูกยิงเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา
วันนี้ ที่ห้องประชุมพิกุล ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดยะลา นายนิมุ มะกาเจ ประธานสภาที่ปรึกษาสันติสุขจังหวัดยะลา ได้เรียกประชุมคณะกรรมการสภาที่ปรึกษา ซึ่งประกอบด้วย ผู้นำศาสนา และผู้นำชุมชนในทุกอำเภอของจังหวัด เป็นการประชุมวาระเร่งด่วน เพื่อส่งอำลาให้กับ นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ที่ต้องเดินทางไปตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และต้อนรับ นายกฤษฎา บุญราช รองผู้ว่าราชการ ที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้งเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาคนใหม่
ในวาระการประชุมประธานแจ้งที่ประชุมทราบ ประธานที่ประชุมได้หยิบยกเอาประเด็นพฤติกรรมการก่อเหตุลอบวางระเบิดบนหลุมฝังศพของชาวไทยมุสลิม เป็นวาระร้อน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้แสดงความคิดเห็นถึงเหตุการณ์ซึ่งมีผลต่อความรู้สึกของประชาชนโดยส่วนใหญ่ และเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏในสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ซึ่งทุกคนแสดงถึงความไม่ถูกต้องและควรมีการประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายนิมุ มะกาเจ ประธานสภาที่ปรึกษาสันติสุขจังหวัดยะลา และอดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า เป็นสิ่งที่มุสลิมทุกคนมีความรู้สึกเศร้าและเสียดายอย่างยิ่งในสิ่งที่การกระทำของกลุ่มไหน บุคคลใดก็ตาม ที่สร้างเหตุการณ์อย่างนี้ซึ่งไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ใดๆ ก็ตาม แม้กระทั่งความเป็นมุสลิม ความเป็นอิสลามก็ไม่เคยปรากฏ ที่เป็นการทำร้าย ทำลายสัญญาลักษณ์ของมวลมุสลิมในลักษณะอย่างนี้ เรายอมรับว่ามัสยิด ก็ดี กูโบร์ก็ดี โลกแห่งดลยาเหล่านี้ เป็นโลกที่มุสลิมทุกคนต้องถูกทดสอบ เพื่อเป็นรอไปสู่อาฆีระ (โลกหน้า)
ในเมื่อสิ่งเหล่านี้ถูกทำร้ายหรือถูกทำลายมุสลิมทุกคนยอมรับไม่ได้ จึงขอฝากให้เป็นการกระทำครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายพอแล้ว ซึ่งทั้งหมดนั้น ไม่มีใครยอมรับและชื่นชมและไม่มีใครอยากจะมีส่วนร่วมในลักษณะเช่นนี้
สำหรับความคืบหน้าในการติดตามกลุ่มคนร้าย นั้น พ.ต.ท.สมปราชน์ กรรณกานนท์ สว.หน.สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีว่า ขณะนี้ทาง จนท.พอจะรู้เบาะแสของกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มของ นายมะซอลาดิง สาและดิง และนายสะปียัม กะโด 2 แกนนำ อาร์เคเค คนสำคัญ ที่นำกำลังเคลื่อนไหวในพื้นที่ บ้านปาดาฮัง ต.ตะโล๊ะหะลอ ต.จะกว๊ะ ต.เกะรอ และพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.รามัน จ.ยะลา กับ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เคยก่อเหตุลอบวางระเบิดรถยนต์ของ นายมะโซ๊ะ มะเต๊ะ กำนันคนดังกล่าวมาแล้ว เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2548 ทำให้รถยนต์กระบะ 4 ประตู ได้รับความเสียหาย ส่วนตัวกำนันปลอดภัย
ขณะนี้กำลัง ตำรวจ ทหาร กำลังสะกดรอยติดตามการหลบหนีอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่ายังคงหลบซ่อนตัวในพื้นที่ใกล้เคียงอยู่
วันนี้ (28 ก.ย.) จากกรณีมีคนร้ายลอบวางระเบิดและยิงถล่ม นายมะโซ๊ะ มะเต๊ะ หรือกำนันเปาะจิ กำนัน ต.ตะโล๊ะหอ อ.รามัน ขณะเดินทางไปเยี่ยม ทำความสะอาดและ สวดดุอาร์ บนหลุมฝังศพของพ่อและพี่ชาย ที่สุสาน (กุโบร์) บ้านบือแนบูเกะ หมู่ที่ 4 ต.ตะโล๊ะหะลอ จนเป็นเหตุให้นายอุสมาน สาและดิง อายุ 38 ปี อาสาสมัครประจำอำเภอรามัน ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิท ถูกยิงเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา
วันนี้ ที่ห้องประชุมพิกุล ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดยะลา นายนิมุ มะกาเจ ประธานสภาที่ปรึกษาสันติสุขจังหวัดยะลา ได้เรียกประชุมคณะกรรมการสภาที่ปรึกษา ซึ่งประกอบด้วย ผู้นำศาสนา และผู้นำชุมชนในทุกอำเภอของจังหวัด เป็นการประชุมวาระเร่งด่วน เพื่อส่งอำลาให้กับ นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ที่ต้องเดินทางไปตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และต้อนรับ นายกฤษฎา บุญราช รองผู้ว่าราชการ ที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้งเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาคนใหม่
ในวาระการประชุมประธานแจ้งที่ประชุมทราบ ประธานที่ประชุมได้หยิบยกเอาประเด็นพฤติกรรมการก่อเหตุลอบวางระเบิดบนหลุมฝังศพของชาวไทยมุสลิม เป็นวาระร้อน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้แสดงความคิดเห็นถึงเหตุการณ์ซึ่งมีผลต่อความรู้สึกของประชาชนโดยส่วนใหญ่ และเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏในสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ซึ่งทุกคนแสดงถึงความไม่ถูกต้องและควรมีการประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายนิมุ มะกาเจ ประธานสภาที่ปรึกษาสันติสุขจังหวัดยะลา และอดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า เป็นสิ่งที่มุสลิมทุกคนมีความรู้สึกเศร้าและเสียดายอย่างยิ่งในสิ่งที่การกระทำของกลุ่มไหน บุคคลใดก็ตาม ที่สร้างเหตุการณ์อย่างนี้ซึ่งไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ใดๆ ก็ตาม แม้กระทั่งความเป็นมุสลิม ความเป็นอิสลามก็ไม่เคยปรากฏ ที่เป็นการทำร้าย ทำลายสัญญาลักษณ์ของมวลมุสลิมในลักษณะอย่างนี้ เรายอมรับว่ามัสยิด ก็ดี กูโบร์ก็ดี โลกแห่งดลยาเหล่านี้ เป็นโลกที่มุสลิมทุกคนต้องถูกทดสอบ เพื่อเป็นรอไปสู่อาฆีระ (โลกหน้า)
ในเมื่อสิ่งเหล่านี้ถูกทำร้ายหรือถูกทำลายมุสลิมทุกคนยอมรับไม่ได้ จึงขอฝากให้เป็นการกระทำครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายพอแล้ว ซึ่งทั้งหมดนั้น ไม่มีใครยอมรับและชื่นชมและไม่มีใครอยากจะมีส่วนร่วมในลักษณะเช่นนี้
สำหรับความคืบหน้าในการติดตามกลุ่มคนร้าย นั้น พ.ต.ท.สมปราชน์ กรรณกานนท์ สว.หน.สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีว่า ขณะนี้ทาง จนท.พอจะรู้เบาะแสของกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มของ นายมะซอลาดิง สาและดิง และนายสะปียัม กะโด 2 แกนนำ อาร์เคเค คนสำคัญ ที่นำกำลังเคลื่อนไหวในพื้นที่ บ้านปาดาฮัง ต.ตะโล๊ะหะลอ ต.จะกว๊ะ ต.เกะรอ และพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.รามัน จ.ยะลา กับ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เคยก่อเหตุลอบวางระเบิดรถยนต์ของ นายมะโซ๊ะ มะเต๊ะ กำนันคนดังกล่าวมาแล้ว เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2548 ทำให้รถยนต์กระบะ 4 ประตู ได้รับความเสียหาย ส่วนตัวกำนันปลอดภัย
ขณะนี้กำลัง ตำรวจ ทหาร กำลังสะกดรอยติดตามการหลบหนีอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่ายังคงหลบซ่อนตัวในพื้นที่ใกล้เคียงอยู่