ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ประชาชนในพื้นที่นาทับ อ.จะนะ กว่า 30 คนร่วมประชุมเพื่อนำเสนอความคิดเห็น กับ บริษัท เอชทีเอส เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด ที่ปรึกษาศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกสงขลาแห่งใหม่ พร้อมไม่เห็นด้วยกับท่าเทียบเรือน้ำลึก ชี้ชาวประมงได้รับผลกระทบแน่นอน
วานนี้ (26 ก.ย.) บริษัท เอชทีเอส เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกสงขลาแห่งใหม่ ได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านท่ายาง และหมู่ที่ 4 บ้านท่าคลอง ต.นาทับ จ.สงขลา ณ โรงเรียนท่าคลองโดยมีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมประมาณ 30 คน ซึ่งบริษัท เอชทีเอส เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด ได้นำข้อเสนอรูปแบบของท่าเรือและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นพร้อมทั้งมาตรการแก้ไขปัญหาที่บริษัทวางไว้แล้วมานำเสนอ เพื่อให้พิจารณาว่าเห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าวหรือไม่
การก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกจะมีทั้งในส่วนของตัวท่าเรือ และลานบนบก เพื่อวางตู้คอนเทนเนอร์ และเป็นอาคารต่างรวมเป็น 14 องค์ประกอบ ซึ้งหลังจากการรับฟังความคิดเห็น จะนำข้อมูลไปวิเคราะห์ และจะจัดเวทีสัมมนาที่บีพีสมิหลา ในวันที่16 ตุลาคมนี้
ตัวแทนของบริษัท เอชทีเอส เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด กล่าวว่า การก่อสร้างมีผลกระทบอย่างแน่นอนและเตรียมมาตรการคือการชดเชยในหลายรูปแบบ เช่น ผลกระทบบนบก และทางทะเล โดยจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณากลั่นกรอง ในส่วนของพื้นที่สาธารณประโยชน์ไม่มีโฉนดจะไม่มีการชดเชยค่าที่ดิน เพราะถือเป็นที่ดินของรัฐ จะพิจารณาเฉพาะต้นไม้และสิ่งก่อสร้างบนที่ดิน แต่ต้องมีกรรมการหมู่บ้าน หรือ อบต.รองรับการชดเชยค่าเสียโอกาสในที่ดินขึ้นอยู่กับคณะกรรมการที่แต่งตั้งพิจารณา
ส่วนทางทะเลการทำประมงเรือต้องมีการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประมง มีคณะกรรมการตรวจสอบ และโดยการชดเชยจะพิจารณาตามวันที่สามารถทำประมงได้จริงไม่ได้ชดเชยตลอดทั้งปี เมื่อคณะกรรมการทั้งสองชุดพิจารณาแล้วต้องส่งเป็นขั้นตอน คือ ส่งให้กรม กระทรวง และครม.พิจารณาเหมือนเช่นกรณีของยายไฮ เขื่อนปากมูล
ส่วนด้านชาวบ้านที่มาร่วมเวทีครั้งนี้ได้อภิปรายและแสดงความวิตกกังวลต่อการดำเนินโครงการอย่างมาก โดยเฉพาะวิตกกังวลต่อการประกอบอาชีพประมง และผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเล และคลองนาทับ ซึ่งมีประสบการณ์จากโรงไฟฟ้าจะนะมาแล้ว และสะท้อนว่าจากการฟังข้อมูลทำให้ รู้สึกว่าจะมีผลกระทบอย่างมากต่อประมงในระยะทาง 3 กิโลเมตร
ชาวบ้านสะท้อนว่าออกทะเลวันเดียวแต่กินได้ตลอดทั้งปี หากจะเชดเชยเพียงระยะเวลา 3 ปี ไม่ยุติธรรม เพราะโครงการดังกล่าวระยะยาวมากกว่า 30 ปีชาวบ้านไม่ยอมแน่ และมีการถามว่าใครเห็นด้วยยกมือขึ้นปรากฏว่าไม่มีใครยกมือ จากนั้นถามว่าใครไม่ยอมให้ท่าเรือเกิดชาวบ้านทั้งหมดยกมือ
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งคำถามว่า น้ำจากท่าเรือจะไหลลงคลองนาทับหรือไม่ ตัวแทนบริษัทชี้แจงว่าจะมีบริเวณคลองทิง ที่เป็นคลองสาขาที่ไหลลงนาทับ แต่จะมีการสร้างกำแพงล้อมรอบ ชาวบ้านถามว่าแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่ไหลลงคลองนาทับ ตัวแทนบอกว่าบอกว่าไม่ลง แต่จะเข้าไปจอดเรือไม่ได้