ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์” มทภ.2 เผยส่วนตัวเห็นด้วยกับแนวคิดสร้างปราสาทพระวิหารจำลองขึ้นในฝั่งไทย ชี้บริเวณผามออีแดงเหมาะสมตั้งอยู่ที่สูง หากรัฐบาลมีนโยบายและคนส่วนใหญ่เห็นตรงกัน กองทัพก็พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ ระบุ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังปกติ ขวัญกำลังใจทหารดีขึ้น หลัง ผบ.ทบ.ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ส่วนกรณีเขมรสร้างกำแพงรั้วสังกะสีถาวรที่ช่องสะงำ ได้ทำหนังสือท้วงติงไปตามขั้นตอนแล้ว ถ้าทำผิดข้อตกลง “สร้างได้ก็รื้อถอนได้” เช่นกัน
วันนี้ (27 พ.ค.) ที่สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เปิดเผยถึงกรณีภาคเอกชนเสนอสร้างปราสาทพระวิหารจำลองขึ้นในฝั่งประเทศไทย บนบริเวณผามออีแดง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า เป็นแนวคิดที่ภาคเอกชนและนักธุรกิจจากส่วนกลางได้ทำหนังสือเสนอขึ้นมาถึงกองทัพภาคที่ 2 ส่วนจะสร้างหรือไม่สร้างก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ และส่วนที่เห็นด้วยหรือไม่นั้น ก็ต้องมาหารือกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 เพียงแต่แจ้งข่าวให้ทราบเท่านั้นว่ามีคนไทยส่วนหนึ่งที่มีแนวคิดในเรื่องนี้
สำหรับความเห็นส่วนตัว หากไม่กระทบกับพื้นที่หรือสิ่งแวดล้อม หรือเรื่องอื่นๆ คิดว่า บริเวณผามออีแดงดังกล่าว เป็นพื้นที่สูงและมีทิวทัศน์สวยงามก็มีความเหมาะสมและเป็นไปได้หากจะสร้างปราสาทพระวิหารจำลองขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากหลายๆ ฝ่าย ว่า มีความคิดเห็นอย่างไร
“ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งรักษาอธิปไตยบริเวณดังกล่าวพร้อมให้การสนับสนุนหากเป็นนโยบายของรัฐบาลหรือความเห็นของคนส่วนใหญ่ ซึ่งคงต้องเป็นต้นเรื่องหรือมีเจ้าภาพที่จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าว” พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าว
พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทเขาพระวิหาร โดยรวมจนถึงขณะนี้ยังเป็นปกติจากการที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทหาร ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งคณะของ ผบ.ทบ.เดินขึ้นไปจนถึงวัดบนปราสาทเขาพระวิหาร ทำให้ขวัญและกำลังใจของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดีขึ้น ได้ทราบว่า ผู้บังคับบัญชาระดับสูงมีความห่วงใย และที่สำคัญ ต้องขอบคุณประชาชนที่ช่วยกันบริจาคสิ่งของส่งไปให้ทหารหาญเหล่านี้ด้วย ทำให้ทหารได้รับความสะดวกสบายขึ้น
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ขององค์การยูเนสโก ขึ้นมาบริเวณพื้นที่พิพาทเขาหระวิหารและไม่แจ้งให้ฝ่ายไทยเราทราบนั้น หลังจากมีเรื่องการทวงติงจากฝ่ายไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศ ก็ไม่ปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่ยูเนสโกขึ้นมาอีกแต่อย่างใด ซึ่งตามหลักแล้วหากเจ้าหน้าที่ฝ่ายใดหรือใครจะขึ้นไปในพื้นที่พิพาทต้องแจ้ง เพราะหากไม่แจ้งให้แต่ละฝ่ายทราบก็ถือว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องทำการท้วงติงต่อไป
พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาก่อสร้างรั้วสังกะสีถาวรในบริเวณด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งยังเป็นพื้นที่พิพาทไม่มีการปักปันเขตแดนที่ชัดเจนนั้น ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้ทำหนังสือคัดค้านไปแล้ว และดำเนินการไปตามขั้นตอน ก็ขึ้นอยู่กับการดำเนินการของคณะกรรมการปักปันเขตแดน และคณะกรรมการที่รับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นเข้ามาแก้ไขปัญหา
“เป็นเรื่องที่ไม่ยากหากสร้างขึ้นมาได้ก็สามารถรื้อถอนออกได้เช่นกันถ้าไม่อยู่ในข้อตกลง” พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวในที่สุด