xs
xsm
sm
md
lg

ผวจ.ภูเก็ตหารืออัยการ-ตร.ฟันผู้ประกอบการเอาเปรียบนักเที่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าฯ ภูเก็ตหารืออัยการ-ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้ประกอบการเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ส่วนคดีเจ็ตสกีระบุต้องสืบสวนในเชิงลึก ชี้ถ้าจำเป็นจะให้ดีเอสไอลงมาคลี่คลายคดีเพื่อหาข้อเท็จจริง

วันนี้ (14 ก.ย.) นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงปัญหาเจ็ตสกีสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพพจน์การท่องเที่ยวของทางจังหวัดภูเก็ต และประเทศไทยจากกรณีภาพวิดีโอข่มขู่นักท่องเที่ยวว่า ตนจะร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งอัยการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาผู้ประกอบการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องของเจ็ตสกีเท่านั้นแต่รวมถึงปัญหาอื่นๆ ที่มีการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวเช่นมอเตอไซค์รับจ้าง

ทั้งนี้ จากข้อมูลของทางตำรวจกรณีคลิปวิดีโอเจ็ตสกี ทำให้มองเรื่องดังกล่าวได้หลายประเด็น ทั้งประเด็นการแอบถ่าย หรือเป็นการเรื่องที่จัดฉากขึ้นมาเพื่อการถ่ายทำ และเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงแล้วมาทำการถ่ายทำกันในภายหลัง รวมทั้งอาจจะทำการปกระทำที่เกิดจากคู่แข่งทางด้านการท่องเที่ยว หรืออาจเกิดจากคู่แข่งทางการท่องเที่ยวของไทยที่หวังทำลายภาพพจน์ของไทยในด้านการท่องเที่ยว

แต่หากเป็นการสร้างเรื่องจัดฉากกันขึ้นมาและไม่ใช่เรื่องจริงก็จะต้องมีผู้กระทำความผิดร่วมระหว่างคนไทยกับชาวต่างประเทศ เพราะถ้าเป็นเรื่องไม่จริงและเป็นการจัดฉากยิ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เลวร้าย ต้องดำเนินการสอบสวนให้ลึกว่าทำไปเพราะวัตถุประสงค์ใดกันแน่ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงเราก็ดำเนินการกับคนไทยฝ่ายเดียว ในคดีเอาเปรียบและกรรโชกทรัพย์นักท่องเที่ยว

นายวิชัย กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ตนจะเชิญทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ททท.รวมถึงกรมสารนิเทศกระทรวงต่างประเทศมาร่วมทำการสืบสวนเชิงลึก เพราะตนดูแล้วเรื่องนี้น่าจะเป็นขบวนการที่ใหญ่โต เพราะเรื่องลักษณะนี้ความจริงก็เกิดขึ้นมานานนับสิบปีแล้ว ทำไม่ไม่มีใครกล้าเข้าไปแตะต้อง หรืออาจต้องดูถึงว่าตำรวจในพื้นที่ปล่อยเกียร์ว่างหรือไม่

หากมีเจ้าหน้าของรัฐหน่วยงานใดไม่ว่าจะเป็นทางตำรวจภูธร ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐคนใดเข้าไปมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องหากตรวจสอบมีหลักฐานก็ต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด อาจถึงขึ้นต้องให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาร่วมสอบสวนด้วย

“ขั้นตอนจากนี้ไป เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต้องสอบสวนให้ได้ความจริงว่าข้อเท็จจริงทั้งหมดเป็นอย่างไรกันแน่ เช่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงไม่มีอะไรแอบแฝง หรือเป็นเรื่องเท็จที่มีการจัดฉากขึ้นมาเพื่อการถ่ายทำ หรือเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วมีการจัดฉากขึ้นมาถ่ายทำกันในภายหลัง ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจว่าศักยภาพของตำรวจในพื้นที่จะมีพอหรือไม่ หากจำเป็นก็ต้องให้ดีเอสไอลงมาดำเนินการ” นายวิชัยกล่าว และว่า

โดยเฉพาะเมื่อเกิดมีข่าวออกมาในทำนองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยิ่งต้องสอบสวนให้ได้ความจริงเพราะถือว่าเป็นการบ่อนทำลายการท่องเที่ยวทั้งระบบ
กำลังโหลดความคิดเห็น