นครศรีธรรมราช – ประธานวิปรัฐบาลเผยอาจให้ พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุมม็อบ 19 ก.ย. เตือนเสื้อแดงชุมนุมด้วยความสงบอย่าทำบ้านเมืองย่อยยับ หยุดกุข่าวปฏิวัติทำลายภาพลักษณ์ประเทศ เผยร่าง พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะจ่อเข้าวาระ แนะประชาชนควรติดตามประชุมสภาวันที่ 16-17 ก.ย. แย้มอาจคลอด ส.ส.ร.3 แก้ไขรัฐธรรมนูญ
วันนี้ (12 ก.ย.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงแนวทางที่ถูกต้องในการควบคุมการชุมนุม 19 ก.ย.ว่า น่าจะใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง หรืออาจจะต้องใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ ต่อมาในเรื่องของความมั่นคงคือรัฐบาลต้องป้องกันไว้ก่อนดีกว่าแก้ เพราะมีนายตำรวจอาจจะไม่เข้าเกียร์หรือเกียร์ว่าง ถ้ามีคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายและมีกฎหมายรองรับเจ้าหน้าที่ก็มั่นใจที่จะปฏิบัติงาน แต่ในทางการเมืองต้องเรียกร้องไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมให้ชุมนุมอยู่โดยความสงบสันติไร้อาวุธ ถ้ามุ่งแต่จะปลุกปั่นสร้างความรุนแรงบ้านเมืองก็คงย่อยยับ
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า มีเสียงเรียกร้องจากทางเจ้าหน้าที่เองว่ารัฐบาลควรมี พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะด้วย ซึ่งมีร่างของ นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย อยู่ในวาระแล้ว และถ้ามีกฎหมายฉบับนี้เข้ามาจะเร่งพิจารณากันก่อนเพราะเป็นการวางหลักกรอบได้อย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันการชุมนุมของประเทศไทยพัฒนาขึ้นมามากการชุมนุมในที่สาธารณะตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิการชุมนุมอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีกฎหมายลูกที่ให้มีความชัดเจน ทั้งส่วนเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุม และหากเกินขอบเขตนั้นจะต้องมีมาตรการตามลำดับเช่นประเทศพัฒนาเขาดำเนินการกัน และถ้ามี พ.ร.บ.ความมั่นคงรัฐบาลสามารถนำกำลังทั้งทหาร ตำรวจเข้ามาได้ ประชาชนเองก็เห็นด้วยที่จะให้การดูแลเป็นเรื่องหลักสำคัญ เพราะในช่วงหลังการชุมนุมเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่ทุกฝ่ายไม่อยากเห็นความรุนแรง
ส่วนข่าวต่างๆ ที่ออกมาและจะนำไปสู่การปฏิวัตินั้นข่าวเหล่านี้ต้นตอคือแกนนำเสื้อแดงเอง มีความพยายามทำให้แตกแยก แปลกใจอยู่เช่นกัน ช่วงหลังแกนนำหลายคนพูดเรื่องการปฏิวัติทั้งๆ ที่ 2-3 ปีเรียกร้องต่อต้านการปฏิวัติแต่พอตัวเองไม่มีอำนาจกลับยุให้มีการปฏิวัติ ขอร้องว่าอย่าเอาชาติบ้านเมืองเป็นตัวประกัน เพราะการกุข่าวในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่เกิดผลดีต่อการแก้วิกฤตเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของประเทศ เพราะฉะนั้นเราจะต้องร่วมกันรับผิดชอบในเรื่องนี้
ต่อข้อถามถึงความเหมาะสมการจะนำเอาคลิปเสียงตัดต่อของนายกรัฐมนตรีไปบรรจุในรายงานสรุปผลการสอบสวนเหตุการณ์เดือนเมษายน ทั้งๆ ที่มีการยืนยันว่าเป็นคลิปเสียงที่ถูกตัดต่อขึ้น นายชินวรณ์กล่าวว่า คณะอนุกรรมสอบสวนหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เชื่อว่ามีกรอบการทำงานที่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามการจะนำเอาคลิปเสียงที่ไม่ใช่ของจริงไปบรรจุด้วยนั้นคงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบอยู่ด้วยควรปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายมากกว่า
นายชินวรณ์ ยังกล่าวถึงการอภิปรายในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ว่า อยากให้ประชาชนติดตามอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ในการตั้ง ส.ส.ร.3 มีการพูดถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว มีการพูดกันต่อถึงรัฐธรรมนูญปี 40 เป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้เกิดเผด็จการรัฐสภา รัฐธรรมนูญปี 50 ไปปิดช่องว่างแต่ถูกกล่าวหาว่ามีที่มาจาก คมช. การตั้ง ส.ส.ร.3 ไม่ได้รื้อรัฐธรรมนูญแต่นัยที่สำคัญในมาตรา 291 คือการแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากประชาชนมีส่วนร่วมมากเท่าไหร่ก็มีความชอบธรรมมากขึ้น
“การอภิปรายในวันที่ 16 และ 17 ต้องสร้างสรรค์และหวังผลถึงแนวทางในการดำเนินการประมวลเหตุการณ์แล้วนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ในส่วนการปฏิรูปการเมืองถือเป็นจุดเริ่มต้นได้ หากเริ่มด้วยความสมานฉันท์คงไม่มีฝ่ายใดใช้เกมในสภาให้สอดรับกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกสภา ถ้าเช่นนั้นถือว่าไม่มีความจริงใจในการสร้างสมานฉันท์”นายชินวรณ์กล่าว
