กองทัพโยน “มาร์ค” ตัดสินใจ เลื่อนประกาศ พ.ร.บ.มั่นคง ยัน ทหารไม่ได้เป็นคู่กรณีใคร พร้อมยืนเคียงข้างประชาชน ระบุ คลิปเสียง นายกฯ ลวงโลก ย้ำ “อภิสิทธิ์” ไม่เคยมีคำสั่งให้ใช้ความรุนแรงสลายม็อบแดงถ่อย ปัด กองทัพไม่เคยห้ามชุมนุม แต่ห้ามพกพาอาวุธ และต้องไม่กระทบการดำเนินชีวิตผู้อื่น
วันนี้ (30 ส.ค.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ให้สัมภาษณ์ถึงการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ต่อกรณีการปรับลดกำลังภายหลังจากกลุ่มเสื้อแดงเลื่อนการชุมนุมจากวันที่ 30 ส.ค.ออกไปเป็นวันที่ 5 ก.ย.นี้ ว่า การปรับลดกำลังเป็นการสั่งการจาก ศอ.รส.ไม่ใช่ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 หรือ ผอ.รมน.ภาค 1 สั่งปรับกำลัง ส่วนที่บริเวณใดเหมาะสมแค่ไหนเท่าที่จำเป็นเป็นดุลพินิจของ ผอ.รมน.ภาค1 ในแต่ละพื้นที่แต่ละจุดที่เหมาะสม ซึ่งจะเหลือกำลังไว้เฉพาะที่จำเป็น อย่างไรก็ตามสามารถเพิ่มกำลังได้หากมีสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า กรณี พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่มีผลบังคับใช้อยู่จนถึงวันที่ 1 ก.ย.นี้ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศใช้ ส่วนจะมีผลบังคับใช้ต่อไปหรือไม่อยู่ ที่นายกรัฐมนตรีจะต้องนำเรื่องผ่านความเห็นชอบคณะรัฐมนตรี ซึ่งทาง ศอ.รส.ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่าจะต่อไปหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หาก พ.ร.บ.ความมั่นคงประกาศออกมาถูกต้องตามกฎหมายผ่าน ครม.เลื่อนจากวันที่ 1 ก.ย.ออกไปอีก ทาง ศอ.สร.ก็สามารถปฏิบัติภารกิจโดยใช้แผนการปฏิบัติเดิมต่อเนื่องไปได้เลย โดยไม่ต้องเอาแผนไปขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการอำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีในการประชุมที่กรมการทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) สั่งให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพใช้กำลังรุนแรงสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า เรื่องนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนไปแล้วว่า กองทัพไม่ได้ดำเนินการไม่ได้คิดจะทำอะไรในลักษณะอย่างนั้นเพราะไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร กองทัพเป็นของประชาชนไม่ได้เป็นคู่กรณีกับใคร เพราะฉะนั้นไม่รู้จะทำเช่นนั้นไปทำไม ซึ่งกองทัพขอยืนยันว่า ตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ได้รับมอบหมายภารกิจให้ดูแลรักษาความสงบในช่วงดังกล่าว ไม่เคยมีการถ่ายทอดคำสั่งหรือนโยบายใดๆออกไปในทางที่ก่อให้ความรุนแรงเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่การกำชับลงตามลำดับชั้น ว่า การปฏิบัติภารกิจกำกับดูแลกำลังพลที่ปฎิบัติภารกิจใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น ทำอย่างไรก็แล้วแต่ให้เกิดผลกระทบให้น้อยที่สุด และถ้าเป็นไปได้ไม่ให้เกิดความสูญเสียเลยก็จะดี ซึ่งที่ผ่านมาผลปรากฏออกมาว่า การปฏิบัติภารกิจไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันว่ากองทัพตั้งใจทำหน้าที่เพื่อดูแลรักษาความสงบ และไม่เคยมีการถ่ายทอดคำสั่งลงมาในลักษณะที่ก่อให้เกิดความรุนแรงอย่างที่ปรากฎในคลิปเสียงแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงเรียกร้องให้ทหารนำคลิปเสียงในวันประชุมที่กรมการทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ในที่ประชุมวันดังกล่าวไม่ได้มีการบันทึกเสียงไว้แต่อย่างใด แต่ขอยืนยันอีกครั้งว่า ทหารไม่เคยมีคำสั่งหรือนโยบาย ในลักษณะที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง เพราะทหารเองก็ไม่ต้องการเห็นคู่กรณีไปตอบโต้วาทะทางการเมือง ส่วนกลุ่มการเมืองท่านใดจะพูดจาในลักษณะอย่างนั้นก็ต้องกลับไปถามท่าน ทหารเรามีหน้าที่อธิบายข้อเท็จจริงให้ฟังว่า เราไม่ได้ทำ เราไม่ได้ปฏิบัติด้วยเหตุผลทั้งคำพูดและข้อเท็จจริงจากการปฏิบัติ เราเชื่อมั่นว่า พี่น้องประชาชนที่ได้สังเกตจะเข้าใจถึงแนวทางของกองทัพได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรื่องนี้ ผู้บัญชาการทหารบกไม่ได้กังวลอะไร ซึ่งท่านเองก็ได้ตอบคำถามไปแล้วว่าไม่ได้กังวลใจอะไร
เมื่อถามว่า มีความพยายามที่จะให้นายกรัฐมนตรีกับกองทัพเกิดความเข้าใจผิด จากการนำคลิปเสียงนายกฯออกมาเผยแพร่เพื่อหวังผลทางการเมือง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วทางการเมืองอาจจะมองไปในลักษณะอย่างนั้น แต่ทางกองทัพไม่เคยคิดเช่นนั้น เราทำอย่างเดียว คือ อะไรที่เป็นนโยบายที่จะตอบสนองรัฐบาล กองทัพทำเต็มที่บนพื้นฐานของความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน เราไม่ได้เป็นเครื่องมือทางด้านการเมืองของกลุ่มใด ฝ่ายใด
“กองทัพคงไม่ตอบโต้ นายจตุพร เพราะผู้บัญชาการทหารบกได้กำชับในประเด็นนี้ทุกครั้งที่มีการประชุม เราจะไม่ตอบโต้ทางการเมือง เพราเป็นเรื่องความคิดทางการเมืองก็ว่ากันไป เราเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐดูแลเรื่องความสงบมีหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายมาปฏิบัติให้บรรลุผลบนพื้นฐานของความปลอดภัยให้มากที่สุด วันนี้จะทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนได้ผลกระทบน้อยที่สุดจาก พ.ร.บ.ความมั่นคง ทั้งผู้ชุมนุมและผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
เมื่อถามว่า ทหารยังตั้งจุดตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า วันนี้ยังดำเนินการต่อไปตามเจตนารมณ์ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.ที่ได้สั่งว่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ปฏิบัติหลักในการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนเจ้าหน้าที่ส่วนอื่นๆ ทั้งพลเรือน ทหาร ที่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงจะเป้นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อให้ภารกิจประสบผลสำเร็จ
เมื่อถามว่า ทาง ศอ.รส.ได้วิเคราะห์ถึงการเลื่อนการชุมนุมของคนเสื้อแดงหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทาง ศอ.รส.ไม่ได้มีการพิจารณาในประเด็นเหล่านี้ ก็สุดแล้วแต่กลุ่มคนเสื้อแดง เพราะเราไม่ได้ห้ามไม่ให้ชุมนุมและไม่ได้เชิญชวน ส่วนการชุมนุมจะแสดงความคิดเห็นหรือแสดงพลังก็สามารถทำได้ส่วนจะเลื่อนออกไปเมื่อไหร่ก็สุดแล้วแต่ ทางเรามีหน้าที่ดูแลการชุมนุมให้เกิดความปลอดภัย ซึ่งดูรายละเอียดของ พ.ร.บ.ความมั่นคงจริงๆแล้วไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตปกติของประชาชนเลย เช่น การห้ามพกพาอาวุธ ซึ่งปัจจุบันก็ไม่มีการพกพาอาวุธอยู่แล้ว หรือการห้ามใช้ถนน ซึ่งถนนที่ประกาศคือถนนลูกหลวงและนครปฐม โดยปกติประชาชนก็ได้ใช้เส้นนี้อยู่แล้ว เพราะติดกับรั้วทำเนียบรัฐบาล ส่วนถนนช่องทางคู่ขนานฝั่งเฉพาะด้านทำเนียบรัฐบาลหรือถนนราชดำเนินนอก ที่อาจมีผลกระทบ ซึ่งในวันที่ 31 ส.ค.นี้ จะมีการพิจารณาประกาศเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ต้องรอฟังจากที่ประชุม ศอ.รส.