ศูนย์ข่าวภูเก็ต - แก๊งมิจฉาชีพคนไทย-ต่างชาติออกอาละวาดนำเอกสารปลอมหลอกเช่ารถยนต์แล้วเชิดหนีนำไปจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เตือนผู้ประกอบการระวังตัวเพิ่มหลังพบมีการก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งสร้างความเสียหายให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ภูเก็ตหลายสิบล้านบาท
ร.ต.ท.จตุรงค์ สุขไทย รองสารวัตรงานสืบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบรถยนต์เช่าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตหลายรายว่า ถูกแก๊งมิจฉาชีพทั้งคนไทยและต่างชาติ ปลอมแปลงเอกสาร สำคัญ ทั้งบัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ พาสปอร์ต และบัตรเครดิต แล้วนำเอกสารเหล่านี้มาเช่ารถยนต์กับบริษัทเช่ารถในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ต
โดยเฉพาะที่บริเวณสนามบินภูเก็ต พบมีจำนวนมากซึ่งหลังจากที่มิจฉาชีพเหล่านี้เช่ารถไปแล้วก็จะเชิดรถที่เช่ามาหนีไปจำหน่ายต่อในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยขณะนี้มีผู้เสียหายแจ้งรถยนต์เช่าหายแล้วกว่า 20 คัน มูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท
นายพฤทธิ์ ม่วงคำ ผู้จัดการบริษัทอันดามันคาร์ สาขาสนามบินภูเก็ต หนึ่งในผู้เสียหายเล่าให้ฟังว่า ทางบริษัทเคยถูกแก็งมิจฉาชีพคนไทย ทำทีว่าเป็นนักท่องเที่ยวลงเครื่องจากสนามบินภูเก็ต นำเอกสารปลอมมาเช่ารถแล้วเชิดหนีไปจำหน่ายแล้ว 1 คัน มูลค่าความเสียหายกว่า 6 แสนบาท ส่งผลให้ขณะนี้ต้องงดให้บริการลูกค้าไปก่อน จนกว่าจะเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงโลว์ซีซัน ประกอบกับได้รับผลกระทบจากแก๊งค์มิจฉาชีพทำให้บริษัทมีรายได้ลดลง
ขณะที่ นายสมบูรณ์ จำปาทอง ผู้บริหารบริษัท ภูเก็ตแอร์พอร์ตกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า สำหรับการก่อเหตุของกลุ่มมิจฉาชีพที่ทำทีมาเช่ารถของบริษัทรถเช่าต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้นมีหลายรูปแบบ ถ้าเป็นคนไทยก็จะเข้ามาในลักษณะของนักท่องเที่ยวที่ติดต่อผ่านทางบริษัททัวร์ หรือติดต่อโดยตรงเข้ามาและให้ทางบริษัทนำรถไปส่งให้ที่สนามบิน
หลังจากนั้นก็จะทำให้บริษัทที่เช่ารถตายใจโดยแรกๆ ก็จะเช่ารถเล็กก่อนแต่หลังจากบริษัทตายใจก็จะเปลี่ยนเป็นเช่ารถขนาดใหญ่และเชิดหนีไปเลย ซึ่งการเข้ามาก่อเหตุของมิจฉาชีพเหล่านี้จะเข้ามาเป็นแก็งมาครั้งหนึ่งอย่างน้อย 4-5 คน และจะต้องได้รถออกไปตามจำนวนคนที่เข้ามา ซึ่งเป็นการดำเนินการกันอย่างเป็นขบวนการและเชื่อว่ามีการเชิดรถในภูเก็ตไปแล้วจำนวนมากเฉพาะเดือนที่ผ่านมาเชื่อว่ามีการเชิดรถไปแล้วไม่ต่ำกว่า 10 คัน โดยรถที่ถูกเชิดมีทั้งรถเล็กและรถใหญ่
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะมีแก็งคนไทยแล้วยังมีแก๊งต่างชาติที่ออกก่อเหตุในลักษณะนี้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทของตนก็ถูกแก็งมิจฉาชีพนำเอกสารปลอมมาเช่ารถในลักษณะเดียวกัน แต่เป็นแก็งชาวชาวต่างชาติซึ่งจะมาลักษณะเดียวกัน คือ เข้ามาขอเช่ารถหลังจากเช่าไปแล้วก็เชิดหนี ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทรถเช่าที่ถูกเชิดรถไม่ค่อยแจ้งความกันเนื่องจากกลัวจะมีปัญหากับทางบริษัทประกัน แต่ในส่วนของตนนั้นได้แจ้งความดำเนินคดีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุแล้วและเท่าที่ทราบพบว่าแก๊งนี้มีการทำกันเป็นขบวนการใหญ่
นายสมบูรณ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับแก็งคนร้ายใช้เอกสารปลอมหลอกเช่ารถในพื้นที่ภูเก็ตไปขายที่อื่นนั้นมีมานานแล้ว และมีการเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยจนผู้ประกอบการตามไม่ค่อยจะทันตนเชื่อว่าถ้ามีการตรวจสอบจริงๆ ทั้งจังหวัดน่าจะมีผู้เสียหายไปแล้วจำนวนมาก เพราะจากการสอบถามในส่วนของผู้ให้บริการรถเช่าบริเวณสนามบินภูเก็ต เชื่อว่าตั้งแต่ปีที่ผ่านมาต่อเนื่องจนถึงปีนี้มีแล้วไม่ต่ำกว่า 30 คัน มูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปัจจุบันยังมีขบวนการดังกล่าวออกอาละวาดก่อเหตุอย่างต่อเนื่องจึงอยากฝากเตือนให้ผู้ประกอบการช่วยกันระมัดระวังตัวเองเพื่อไม่ให้ถูกแก็งคนร้ายก่อเหตุเชิดรถไปได้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ควรจะทำ คือ เรื่องของการติดกล้องวงจรปิดที่สามารถเก็บภาพบุคคลที่มาติดต่อไว้ให้ได้ รวมทั้งการปล่อยรถเช่านั้นจะต้องตรวจสอบเอกสารให้ดี ซึ่งปัจจุบันมีบางแห่งที่ไม่ปล่อยรถเช่าให้กับนักท่องเที่ยวคนไทยเนื่องจากมองว่ามีความเสี่ยงสูง ซึ่งจากการดำเนินการดังกล่าวสามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่งโดยเฉพาะกล้องวงจรปิด
ร.ต.ท.จตุรงค์ สุขไทย รองสารวัตรงานสืบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบรถยนต์เช่าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตหลายรายว่า ถูกแก๊งมิจฉาชีพทั้งคนไทยและต่างชาติ ปลอมแปลงเอกสาร สำคัญ ทั้งบัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ พาสปอร์ต และบัตรเครดิต แล้วนำเอกสารเหล่านี้มาเช่ารถยนต์กับบริษัทเช่ารถในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ต
โดยเฉพาะที่บริเวณสนามบินภูเก็ต พบมีจำนวนมากซึ่งหลังจากที่มิจฉาชีพเหล่านี้เช่ารถไปแล้วก็จะเชิดรถที่เช่ามาหนีไปจำหน่ายต่อในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยขณะนี้มีผู้เสียหายแจ้งรถยนต์เช่าหายแล้วกว่า 20 คัน มูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท
นายพฤทธิ์ ม่วงคำ ผู้จัดการบริษัทอันดามันคาร์ สาขาสนามบินภูเก็ต หนึ่งในผู้เสียหายเล่าให้ฟังว่า ทางบริษัทเคยถูกแก็งมิจฉาชีพคนไทย ทำทีว่าเป็นนักท่องเที่ยวลงเครื่องจากสนามบินภูเก็ต นำเอกสารปลอมมาเช่ารถแล้วเชิดหนีไปจำหน่ายแล้ว 1 คัน มูลค่าความเสียหายกว่า 6 แสนบาท ส่งผลให้ขณะนี้ต้องงดให้บริการลูกค้าไปก่อน จนกว่าจะเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงโลว์ซีซัน ประกอบกับได้รับผลกระทบจากแก๊งค์มิจฉาชีพทำให้บริษัทมีรายได้ลดลง
ขณะที่ นายสมบูรณ์ จำปาทอง ผู้บริหารบริษัท ภูเก็ตแอร์พอร์ตกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า สำหรับการก่อเหตุของกลุ่มมิจฉาชีพที่ทำทีมาเช่ารถของบริษัทรถเช่าต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้นมีหลายรูปแบบ ถ้าเป็นคนไทยก็จะเข้ามาในลักษณะของนักท่องเที่ยวที่ติดต่อผ่านทางบริษัททัวร์ หรือติดต่อโดยตรงเข้ามาและให้ทางบริษัทนำรถไปส่งให้ที่สนามบิน
หลังจากนั้นก็จะทำให้บริษัทที่เช่ารถตายใจโดยแรกๆ ก็จะเช่ารถเล็กก่อนแต่หลังจากบริษัทตายใจก็จะเปลี่ยนเป็นเช่ารถขนาดใหญ่และเชิดหนีไปเลย ซึ่งการเข้ามาก่อเหตุของมิจฉาชีพเหล่านี้จะเข้ามาเป็นแก็งมาครั้งหนึ่งอย่างน้อย 4-5 คน และจะต้องได้รถออกไปตามจำนวนคนที่เข้ามา ซึ่งเป็นการดำเนินการกันอย่างเป็นขบวนการและเชื่อว่ามีการเชิดรถในภูเก็ตไปแล้วจำนวนมากเฉพาะเดือนที่ผ่านมาเชื่อว่ามีการเชิดรถไปแล้วไม่ต่ำกว่า 10 คัน โดยรถที่ถูกเชิดมีทั้งรถเล็กและรถใหญ่
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะมีแก็งคนไทยแล้วยังมีแก๊งต่างชาติที่ออกก่อเหตุในลักษณะนี้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทของตนก็ถูกแก็งมิจฉาชีพนำเอกสารปลอมมาเช่ารถในลักษณะเดียวกัน แต่เป็นแก็งชาวชาวต่างชาติซึ่งจะมาลักษณะเดียวกัน คือ เข้ามาขอเช่ารถหลังจากเช่าไปแล้วก็เชิดหนี ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทรถเช่าที่ถูกเชิดรถไม่ค่อยแจ้งความกันเนื่องจากกลัวจะมีปัญหากับทางบริษัทประกัน แต่ในส่วนของตนนั้นได้แจ้งความดำเนินคดีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุแล้วและเท่าที่ทราบพบว่าแก๊งนี้มีการทำกันเป็นขบวนการใหญ่
นายสมบูรณ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับแก็งคนร้ายใช้เอกสารปลอมหลอกเช่ารถในพื้นที่ภูเก็ตไปขายที่อื่นนั้นมีมานานแล้ว และมีการเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยจนผู้ประกอบการตามไม่ค่อยจะทันตนเชื่อว่าถ้ามีการตรวจสอบจริงๆ ทั้งจังหวัดน่าจะมีผู้เสียหายไปแล้วจำนวนมาก เพราะจากการสอบถามในส่วนของผู้ให้บริการรถเช่าบริเวณสนามบินภูเก็ต เชื่อว่าตั้งแต่ปีที่ผ่านมาต่อเนื่องจนถึงปีนี้มีแล้วไม่ต่ำกว่า 30 คัน มูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปัจจุบันยังมีขบวนการดังกล่าวออกอาละวาดก่อเหตุอย่างต่อเนื่องจึงอยากฝากเตือนให้ผู้ประกอบการช่วยกันระมัดระวังตัวเองเพื่อไม่ให้ถูกแก็งคนร้ายก่อเหตุเชิดรถไปได้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ควรจะทำ คือ เรื่องของการติดกล้องวงจรปิดที่สามารถเก็บภาพบุคคลที่มาติดต่อไว้ให้ได้ รวมทั้งการปล่อยรถเช่านั้นจะต้องตรวจสอบเอกสารให้ดี ซึ่งปัจจุบันมีบางแห่งที่ไม่ปล่อยรถเช่าให้กับนักท่องเที่ยวคนไทยเนื่องจากมองว่ามีความเสี่ยงสูง ซึ่งจากการดำเนินการดังกล่าวสามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่งโดยเฉพาะกล้องวงจรปิด