สุราษฎร์ธานี - “นายกสมาคมสปาสมุย” เห็นด้วยรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรณีเตรียมปรับลดภาษีสรรพสามิตธุรกิจสปา เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ
นางวัลวลีย์ ตันติกาญจน์ นายกสมาคมสปาสมุย กล่าวว่า ต่อกรณีที่รัฐบาล และนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมปรับลดภาษีสรรพสามิต ธุรกิจสปา เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ จากปัจจุบันที่จัดเก็บรายได้อัตราร้อยละ 10 และเห็นว่า รัฐบาลต้องส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจสปาอย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจสปาเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ได้เป็นอย่างดี
โดยผู้ประกอบการเข้าใจรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีหนังสือจากกระทรวงการคลัง โดยนายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งให้ผู้ประกอบการทราบว่า การที่จะขอความช่วยเหลือเรื่องการเก็บภาษีสรรพสามิตธุรกิจสปาเพื่อสุขภาพ ได้พิจารณาแล้วหามาตรการบรรเทาภาระด้านภาษีตรงนี้กับธุรกิจสปาที่กำลังประสบปัญหาอย่างไม่เป็นธรรม
นอกจากจะยกเว้นร้านเสริมสวย ร้านนวดแล้ว ยังรวมไปถึงสปาเพื่อสุขภาพที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งตรงตามวัตถุประสงค์ที่ผู้ประกอบการต้องการ แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายที่กระทรวงการคลังให้นั้น คือ รัฐบาลต้องหันมาส่งเสริม เพราะทุกวันนี้สปาทำรายได้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ การท่องเที่ยวของห้องพักของทั้งหมด
อยู่ที่ประมาณ 20-25 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่า หากรัฐบาลหันมาส่งเสริมจะทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน จะเห็นภาพรวมการส่งเสริมการท่องเที่ยว ประกอบกับเศรษฐกิจขณะนี้กำลังประสบปัญหา หลายแห่งมีแต่จะปิดตัว ถ้ารัฐบาลไม่มีวิสัยทัศน์ ธุรกิจนี้จะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
นายกสมาคมสปาสมุยกล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นเวลากว่า 4 ปี ที่ผู้ประกอบการสปาเกาะสมุย ได้ดำเนินการแบกรับการจ่ายภาษีสรรพสามิต ซึ่งเชื่อว่า หากประกาศลดภาษีสรรพสามิตธุรกิจสปาดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะส่งผลต่อสภาพคล่องของผู้ประกอบการสปา และเพิ่มมาตรฐานการให้บริการสปาในพื้นที่ไปในตัว
นางวัลวลีย์ ตันติกาญจน์ นายกสมาคมสปาสมุย กล่าวว่า ต่อกรณีที่รัฐบาล และนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมปรับลดภาษีสรรพสามิต ธุรกิจสปา เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ จากปัจจุบันที่จัดเก็บรายได้อัตราร้อยละ 10 และเห็นว่า รัฐบาลต้องส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจสปาอย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจสปาเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ได้เป็นอย่างดี
โดยผู้ประกอบการเข้าใจรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีหนังสือจากกระทรวงการคลัง โดยนายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งให้ผู้ประกอบการทราบว่า การที่จะขอความช่วยเหลือเรื่องการเก็บภาษีสรรพสามิตธุรกิจสปาเพื่อสุขภาพ ได้พิจารณาแล้วหามาตรการบรรเทาภาระด้านภาษีตรงนี้กับธุรกิจสปาที่กำลังประสบปัญหาอย่างไม่เป็นธรรม
นอกจากจะยกเว้นร้านเสริมสวย ร้านนวดแล้ว ยังรวมไปถึงสปาเพื่อสุขภาพที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งตรงตามวัตถุประสงค์ที่ผู้ประกอบการต้องการ แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายที่กระทรวงการคลังให้นั้น คือ รัฐบาลต้องหันมาส่งเสริม เพราะทุกวันนี้สปาทำรายได้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ การท่องเที่ยวของห้องพักของทั้งหมด
อยู่ที่ประมาณ 20-25 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่า หากรัฐบาลหันมาส่งเสริมจะทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน จะเห็นภาพรวมการส่งเสริมการท่องเที่ยว ประกอบกับเศรษฐกิจขณะนี้กำลังประสบปัญหา หลายแห่งมีแต่จะปิดตัว ถ้ารัฐบาลไม่มีวิสัยทัศน์ ธุรกิจนี้จะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
นายกสมาคมสปาสมุยกล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นเวลากว่า 4 ปี ที่ผู้ประกอบการสปาเกาะสมุย ได้ดำเนินการแบกรับการจ่ายภาษีสรรพสามิต ซึ่งเชื่อว่า หากประกาศลดภาษีสรรพสามิตธุรกิจสปาดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะส่งผลต่อสภาพคล่องของผู้ประกอบการสปา และเพิ่มมาตรฐานการให้บริการสปาในพื้นที่ไปในตัว