ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์” ได้ทีไล่บี้เครื่องปรับอากาศลดราคาลงเครื่องละ 2-2.5 พันบาท หลังครม.เห็นชอบยกเลิกภาษีสรรพสามิต สั่งเช็กต้นทุนโรงงาน ร้านค้าปลีก ค้าส่งทันควัน ระบุหากยึกยักงัดไม้แข็งเล่นงาน มั่นใจราคาลดได้เร็ว เพราะสต็อกสินค้ามีไม่มาก
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในเร่งติดตามให้ผู้ประกอบการ ร้านค้าปลีก ค้าส่ง ให้ปรับลดราคาจำหน่ายเครื่องปรับอากาศโดยเร็วที่สุด หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้ยกเลิกภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องปรับอากาศที่ใช้กับอาคารสำนักงานและที่พักอาศัย ที่มีขนาดต่ำกว่า 72,000 บีทียูแล้ว ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง และทำให้ราคาขายปลีกและขายส่งต่อเครื่องแก่ผู้บริโภคจะต้องลดลงตามไปด้วย
“จะเข้าไปตรวจสอบต้นทุนตั้งแต่ สายการผลิต การจำหน่าย วัตถุดิบ เพื่อดูว่าการปรับลดภาษีสรรพสามิตจากที่เคยเก็บ 17% เหลือ 0% จะทำให้ต้นทุนลดเท่าไร โดยประเมินเบื้องต้นว่าน่าจะทำให้ราคาเครื่องปรับอากาศราคาลดลงไม่ต่ำกว่าเครื่องละ 10-15% หรือมีราคาต่อเครื่องลดลง 2,000-2,500 บาท แต่จะลดได้เมื่อไรจะต้องรอตรวจสอบสต็อกของเครื่องปรับอากาศด้วยว่ามีมากแค่ไหน แล้วจากนั้นจึงจะสั่งลดได้”นายยรรยงกล่าว
ทั้งนี้ หากร้านค้าลดราคาเครื่องปรับอากาศลงน้อย หรือลดราคาล่าช้ากว่าที่ควรเป็น กรมฯ ได้เตรียมเรียกผู้ประกอบการ ร้านค้าเข้ามาหารือ เพื่อสอบถามถึงสาเหตุและขอความร่วมมือให้ปรับลดราคา รวมถึงอาจจะหามาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุม ดูแลราคาจำหน่ายสินค้าให้เป็นธรรมแก่ผู้บริโภค เพราะขณะนี้สินค้า เครื่องปรับอากาศ ยังไม่อยู่ในบัญชีสินค้าควบคุม หรือสินค้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ในการตรวจสอบสต๊อกสินค้าของโรงงานพบว่ามีสินค้าค้างสต๊อกอยู่จำนวนไม่มากจนทำให้ผู้ประกอบการต้องได้รับความเดือดร้อน ดังนั้น ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศที่กำลังจะออกสู่ตลาดนั้น จะต้องคำนวณราคาจำหน่ายใหม่ เพราะไม่มีภาระต้นทุนภาษีสรรพสามิตอีก
สำหรับการปรับลดภาษีแม้จะทำให้รัฐบาลสูญเสียการจัดเก็บรายได้ปีละ 1,600 ล้านบาท แต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนหันมาซื้อเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้น และทำให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มมาทดแทนได้ โดยคาดว่าการเก็บอัตราภาษีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจะสามารถชดเชยรายได้ภาษีสรรพสามิตที่ต้องสูญเสียไปในแต่ละปีได้ทั้งหมด อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ผู้ผลิตจำหน่ายสินค้าได้เพิ่ม และกระตุ้นให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในเร่งติดตามให้ผู้ประกอบการ ร้านค้าปลีก ค้าส่ง ให้ปรับลดราคาจำหน่ายเครื่องปรับอากาศโดยเร็วที่สุด หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้ยกเลิกภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องปรับอากาศที่ใช้กับอาคารสำนักงานและที่พักอาศัย ที่มีขนาดต่ำกว่า 72,000 บีทียูแล้ว ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง และทำให้ราคาขายปลีกและขายส่งต่อเครื่องแก่ผู้บริโภคจะต้องลดลงตามไปด้วย
“จะเข้าไปตรวจสอบต้นทุนตั้งแต่ สายการผลิต การจำหน่าย วัตถุดิบ เพื่อดูว่าการปรับลดภาษีสรรพสามิตจากที่เคยเก็บ 17% เหลือ 0% จะทำให้ต้นทุนลดเท่าไร โดยประเมินเบื้องต้นว่าน่าจะทำให้ราคาเครื่องปรับอากาศราคาลดลงไม่ต่ำกว่าเครื่องละ 10-15% หรือมีราคาต่อเครื่องลดลง 2,000-2,500 บาท แต่จะลดได้เมื่อไรจะต้องรอตรวจสอบสต็อกของเครื่องปรับอากาศด้วยว่ามีมากแค่ไหน แล้วจากนั้นจึงจะสั่งลดได้”นายยรรยงกล่าว
ทั้งนี้ หากร้านค้าลดราคาเครื่องปรับอากาศลงน้อย หรือลดราคาล่าช้ากว่าที่ควรเป็น กรมฯ ได้เตรียมเรียกผู้ประกอบการ ร้านค้าเข้ามาหารือ เพื่อสอบถามถึงสาเหตุและขอความร่วมมือให้ปรับลดราคา รวมถึงอาจจะหามาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุม ดูแลราคาจำหน่ายสินค้าให้เป็นธรรมแก่ผู้บริโภค เพราะขณะนี้สินค้า เครื่องปรับอากาศ ยังไม่อยู่ในบัญชีสินค้าควบคุม หรือสินค้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ในการตรวจสอบสต๊อกสินค้าของโรงงานพบว่ามีสินค้าค้างสต๊อกอยู่จำนวนไม่มากจนทำให้ผู้ประกอบการต้องได้รับความเดือดร้อน ดังนั้น ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศที่กำลังจะออกสู่ตลาดนั้น จะต้องคำนวณราคาจำหน่ายใหม่ เพราะไม่มีภาระต้นทุนภาษีสรรพสามิตอีก
สำหรับการปรับลดภาษีแม้จะทำให้รัฐบาลสูญเสียการจัดเก็บรายได้ปีละ 1,600 ล้านบาท แต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนหันมาซื้อเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้น และทำให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มมาทดแทนได้ โดยคาดว่าการเก็บอัตราภาษีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจะสามารถชดเชยรายได้ภาษีสรรพสามิตที่ต้องสูญเสียไปในแต่ละปีได้ทั้งหมด อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ผู้ผลิตจำหน่ายสินค้าได้เพิ่ม และกระตุ้นให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น
