“ฝ่ายค้าน” ดาหน้า ลุกขึ้นรุมสับ “รัฐบาล” ให้ถอนร่าง พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิต กลางสภา อ้างปิดหูปิดตาประชาชน ไม่ยอมถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ มุบมิบผ่านร่างโดยเร่งด่วน จี้ “กรณ์” รับผิดชอบ หาว่า กม.ฉบับนี้ มีผลบังคับใช้แล้ว แต่ถูกวุฒิสภาคว่ำ ขอให้เลื่อนพิจารณาออกไป ด้าน ส.ส.รัฐบาล ช่วยดันผ่านร่างสุดฤทธิ์ ชูมือลุกขึ้นอภิปราย จนในที่สุด เสียงข้างมากในสภาไฟเขียวผ่านร่างได้เป็นผลสำเร็จ
วันนี้ (19 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้เข้าสู่การพิจารณาเรื่องด่วน การอนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2552 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 ซึ่งที่ประชุมวุฒิสภามีมติคว่ำไปแล้วก่อนหน้านี้ ปรากฏว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นสอบถามประธานที่ประชุม ว่า เหตุใดเรื่องสำคัญเช่นนี้ จึงไม่มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เพื่อให้ประชาชนที่สนใจได้รับทราบ โดย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นกล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนทุกคนอยากรู้ว่ารัฐบาลยังมีการเก็บภาษีน้ำมันอยู่หรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาวุฒิสภาไม่เห็นด้วยกับพระราชกำหนดฉบับดังกล่าว
ทั้งนี้ นายสามารถ ซึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้พยายามให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านได้ตกลงกัน โดยสักพักการประชุมเป็นเวลา 10 นาที ซึ่งหลังจากเปิดการประชุมอีกครั้ง แต่ละฝ่ายก็ยังยืนยันเจตนารมณ์เช่นเดิม ด้านฝ่ายรัฐบาลขอให้ที่ประชุมพิจารณาวาระดังกล่าวไปเลย ขณะที่ทางฝ่ายค้านขอให้เลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน เพื่อให้มีการถ่ายทอดสด โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติให้เลื่อนการพิจารณา พระราชกำหนดฉบับนี้ออกไป
ต่อจากนั้น นางผ่องศรี ธาราภูมิ ส.ส.ลพบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นเสนอให้พิจารณาวาระดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า การพิจารณายืนยัน พ.ร.ก.รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องนำมายืนยันทันทีที่เปิดสมัยประชุม
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ได้มีมติให้ดำเนินการพิจารณาตามระเบียบวาระด้วยคะแนนเสียง 239 ต่อ 129 และงดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 5
จากนั้น นายแพทย์ พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เสนอร่าง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพิกัดภาษีสรรพสามิตทันที พร้อมลุกขึ้นกล่าวต่อที่ประชุมสภา ว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องยืนยันการออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ เพราะมีสาระสำคัญในการกำหนดราคาภาษีน้ำมัน รวมทั้งของเหลวและแก๊สที่คล้ายคลึงกัน เนื่องจากอัตราการจัดเก็บภาษีน้ำมันได้ใช้มาเป็นเวลา 18 ปีแล้ว ทำให้อัตราภาษีไม่เหมาะสมกับภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันโลก โดยก่อนที่จะตรา พ.ร.ก.ฉบับนี้ กรมสรรพสามิตได้จัดเก็บภาษีน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลในอัตราลิตรละ 5 บาท ซึ่งน้ำมันทั้งสองชนิดนี้ มีการบริโภคในอัตราที่สูง ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องเก็บอัตราภาษีน้ำมันในราคาที่เหมาะสม เพื่อรักษาความสมดุลในการหารายได้ของรัฐและรักษาเสถียรภาพของประเทศ จึงจำเป็นต้องออก พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว เพื่อขยายอัตราภาษีน้ำมันเบนซินและดีเซล จึงขอให้สภาฯ ยืนยันอนุมัติ พ.ร.ก.นี้เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
ต่อจากนั้น นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประกาศกลางสภา ว่า ตนและชาวบ้านรับไม่ได้กับสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการ จึงขอออกจากห้องประชุม ไม่ขอร่วมพิจารณาพระราชกำหนดฉบับนี้ หลังจากนั้น ที่ประชุมสภาได้เปิดโอกาสให้สมาชิกคนอื่นๆ ได้ลุกขึ้นอภิปรายกันในวงกว้างขวาง โดยพรรคฝ่ายค้านได้อภิปรายไม่เห็นด้วยกับการออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ และยังได้เสนอให้รัฐบาลถอนร่างออกไป พร้อมเรียกร้องให้ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความรับผิดชอบเรื่องดังกล่าว เนื่องจากกฎหมาย พ.ร.ก.ฉบับนี้ มีการบังคับใช้ไปแล้ว แต่ถูกวุฒิสภาคว่ำก่อนหน้านี้
ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ต่างทยอยลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุน พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว โดยในที่สุดเสียงส่วนใหญ่ก็มีมติเห็นชอบตามร่าง พ.ร.ก.ฉบับนี้