xs
xsm
sm
md
lg

ไฟไหม้ป่าพรุคลี่คลายหลังฝนตก คาดนายทุนเผายึดพื้นที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - สถานการณ์ไฟผลาญป่าพรุนครศรีคลี่คลายหลังฝนตกดับไฟแต่ยังคุกกรุ่นใต้ดินภาวนาฝนตกซ้ำ ตะลึง 3 จุดซ้อนคาดนายทุนเผายึดพื้นที่

จากสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุในพื้นที่นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่พบว่ามีจุดที่ไฟป่าได้ขยายวง 3 จุดใหญ่ ในป่าพรุควนเคร็ง ซึ่งกินพื้นที่ 3 อำเภอคือ อ.หัวไทร อ.เชียรใหญ่ และ อ.ชะอวด ในแต่ละจุดมีไฟลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วานนี้เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่า อปพร.และเจ้าหน้าที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชาวบ้านในละแวกผืนป่าดังกล่าวได้ใช้ความพยายามในการเข้าสกัดไฟป่า

โดยมีเจ้าหน้าที่จากกองบินกระทรวงเกษตรฯ ใช้เฮลิคอปเตอร์บินบรรทุกน้ำได้คราวละ 500 ลิตร สกัดเพลิงในจุดใหญ่อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในช่วงค่ำฝนได้ตกลงมาในพื้นที่ทำให้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงในระดับหนึ่ง ประกอบกับได้มีการปล่อยน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ชะอวดระบายลงในพื้นที่ป่าที่กำลังถูกไฟกำลังลุกลามเชื่อว่าจะสามารถบรรเทาและสกัดการลุกลามของไฟได้ โดยด้านทิศใต้ของป่าสงวนแห่งชาติพรุควนเคร็งที่ไฟได้โหมกระหน่ำตามแรงลมพัด

คาดว่าหลังจากที่เพลิงสงบระบบนิเวศที่ยังสมบูรณ์อยู่ในพื้นที่จะได้รับความเสียหายอย่างหนักทั้งในส่วนของสัตว์ป่า เช่น หมูป่า ชะมด กระจง ลิงแสม ที่อาศัยอยู่อย่างชุกชุม เต่า ปลาต่างๆ เช่น ปลาดุกลำพัน ซึ่งกำลังกลายเป็นสัตว์หายากมากขึ้นทุกวัน รวมทั้งกระจูด ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบที่ชาวบ้านใช้ไปผลิตผลิตภัณฑ์กระจูดที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการใดๆ ได้ และเฮลิคอปเตอร์ที่ขนน้ำ ไม่สามารถปฏิบัติการใดๆ ได้ เนื่องจากมีควันพวยพุ่งทั้งผืนป่า ทำให้พื้นที่ป่ากระจูดถูกเผาเพิ่มขึ้น ประมาณ 400-500 ไร่ จากเดิม มีพื้นที่ที่ถูกเผา มีประมาณ 1,000 ไร่

นายธนากร รักธรรม หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่า พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า แม้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้ในบางจุด และขณะนี้ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเร่งหาแนวทางดับไฟให้ได้อย่างเร่งด่วน

สำหรับป่าสงวนแห่งชาติพรุควนเคร็ง มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 30,000 ไร่ อยู่ในพื้นที่ 5 อำเภอ ของ จ.นครศรีธรรมราช ประกอบด้วย อ.เชียรใหญ่ อ.ชะอวด อ.ปากพนัง อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ร่อนพิบูลย์ และ อ.หัวไทร ซึ่งมีทั้งผืนป่ากระจูด ป่าเสม็ด ป่าพรุ ป่าไม้เบญจพรรณ ในส่วนที่เกิดไฟไหม้ เป็นส่วนของป่ากระจูด มีพื้นที่ประมาณ 7,000 ไร่

อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากแหล่งข่าวว่า สำหรับกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ชัดเจนว่าเป็นฝีมือของคนจาก จ.สุราษฎร์ธานี กลุ่มหนึ่งประมาณ 10 คน ใช้รถยนต์ 2 คันทะเบียนจังหวัดชุมพร 1 คันและ ทะเบียนจังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 คัน ทั้งหมดเข้ามาในพื้นที่ทำทีว่าเป็นกลุ่มมาหาปลา จับเต่า ปลาไหล โดยทั้งหมดจะทำทีบรรทุกเครื่องมือจับสัตว์น้ำให้คนในพื้นที่เห็น แต่ในความเป็นจริงคนกลุ่มนี้จะนำรถยนต์ไปจอดซุ่มก่อนจะเดินเท้าบุกป่าพรุเข้าไปยังจุดที่ต้องการก่อนจะจุดไฟเผา

“ก่อนเกิดไฟไหม้แต่ละจุด ชาวบ้านพบเห็นคนกลุ่มนี้เข้าไปในพื้นที่ โดยเริ่มเข้ามาประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว แต่หลังจากไฟไหม้รุนแรงขึ้น 3 จุด คนเหล่านี้ก็หายไปจากพื้นที่ วิธีการอย่างนี้กลุ่มคนเหล่านี้ทำสำเร็จมาแล้วทั้งในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ชุมพร และกระบี่ ซึ่งผมมองว่าหากกลไกในองค์กรรัฐเป็นอยู่อย่างนี้คงยากที่จะรักษาผืนป่าพรุดันอุดมสมบูรณ์ผืนนี้เอาไว้ได้” แหล่งข่าวรายเดิมกล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น