ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หน่วยงานภาครัฐ-องค์กรเอกชนประสานแก้ปัญหาหนี้นอกระบบชาวไทยใหม่หาดราไวย์ หลังก่อหนี้ล้นพ้นตัวจนเจ้าหนี้ข่มขู่ด้วยระบบ 272 นำเงิน พอช.5 แสนบาท ล้างหนี้รายที่ถูกข่มขู่ ส่วนที่เหลืออีก 1.5 ล้านบาท ตั้งเป็นกองทุนออมทรัพย์ทยอยจ่าย ขณะที่ผู้ว่าฯภูเก็ตรับปากเจรจากับเจ้าของที่ดินแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย น้ำประปา และไฟฟ้า
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (18 ส.ค.) นายนิพนธ์ บุญญภัทรโร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางปรีดา คงแป้น ผู้แทนเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง นางสาวฒุฒิพร ทิพย์วงศ์ ตัวแทนมูลนิธิชุมชนพัฒนาจังหวัดภูเก็ตและตัวแทนชาวไทยใหม่ (ชาวเล) บ้านราไวย์ หมู่ที่ 2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าว “การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบชาวเลชุมชนบ้านราไวย์” ณ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
นายนิพนธ์ บุญญภัทโร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ได้มอบหมายให้ตนเข้ามาดูแลปัญหาของชาวไทยใหม่ เมือง จ.ภูเก็ต ทั้งเรื่องปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยและปัญหาหนี้สินนอกระบบ ปัญหาไฟฟ้าและน้ำประปา โดยเฉพาะที่บ้านราไวย์ที่ชาวไทยใหม่มีหนี้สิ้นล้นพ้นตัว จากการที่ได้ไปกู้หนี้นอกระบบในอัตราดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 20-60 ต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ถือว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องได้รับการแก้ไข เนื่องจากชาวไทยใหม่บางรายที่ไม่กู้หนี้นอกระบบนั้นจะถูกข่มขู่จากเจ้าหนี้หากไม่ส่งดอกเบี้ยตามที่กำหนด ซึ่งปัญหานี้ได้แก้ไขลุ่ล่วงไปแล้ว โดยทางสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ได้ให้เงินจำนวน 500,000 บาท ในการแก้ปัญหา
ส่วนปัญหาที่ดินและที่อยู่อาศัยและปัญหาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆนั้นได้มอบหมายให้ทางผู้ว่าฯและหน่วยงานในพื้นที่เข้าไปดำเนินการต่อไป
นางปรีดา คงแป้น ผู้แทนเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฎิรูปสังคมและการเมือง กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่าชาวไทยใหม่บ้านราไวย์เป็นหนี้ทั้งสิ้น 2 ล้านบาท จากจำนวน 154 ราย ปัญหาการกู้หนี้นอกระบบ เกิดจากชาวไทยใหม่ไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ในระบบได้ จึงจำเป็นที่จะต้องอาศัยเงินกู้นอกระบบในอัตราดอกเบี้ยที่สูงมากถึงร้อยละ 20-60
ขณะนี้ทางเครือข่ายได้เข้าไปดูแลแก้ไขเฉพาะหน้าที่เป็นปัญหาเร่งด่วนในกลุ่มที่ถูกนายทุนข่มขู่ก่อนจำนวน 500,000 บาท โดยให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6 ต่อปี เพื่อนำเงินดังกล่าวไปชำระหนี้นอกระบบ ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวสามารถสามารถลดดอกเบี้ยได้ถึง 30% จากเดิมที่ชาวไทยใหม่หาดราไวย์ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึงเดือนละ 760,000 บาท ลดเหลือเพียง 250,000 บาทเท่านั้น
โดยจุดนี้ช่วยให้การแก้ปัญหาการข่มขู่และทำร้ายร่างกายระบบ 272 ได้เป็นอย่างดี คือ หากชำระดอกเบี้ยไม่ตามกำหนดจะถูกตบ 2 ที กระทืบ 7 ที และช็อตด้วยไฟฟ้าอีก 2 ที และได้วางแนวทางในการแก้ปัญญาในระยะยาวให้กับกลุ่มไทยใหม่หาดราไวย์แล้วด้วยการตั้งเป็นกลุ่มออมทรัพย์รายวัน โดยให้ชาวบ้านออมเงินวันละ 5 บาท เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ที่เหลืออยู่อีก 1.5 ล้านบาท
นางปรีดา กล่าวอีกว่า จากการหารือร่วมกับชาวไทยใหม่หาดราไวย์ขณะนี้นั้น ได้มีการตั้งกฎกติกาของหมู่บ้านขึ้นมาใหม่ที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตาม คือ ต้องเลิกเล่นการพนันทุกประเภท มีการรณรงค์เลิกดื่มเหล้า รณรงค์ทำความชุมชนให้สะอาดและสวยงาม
รวมทั้งได้มีการระดมความเห็นในการที่จะจัดทำโมเดลชีวิตของชาวเล ทั้งในเรื่องของที่อยู่อาศัย ที่ทำมาหากิน ที่นอนเล และวัฒนธรรมของชาวไทยใหม่ทั้ง 5 ชุมชนในภูเก็ต ทั้งที่บ้านแหลมหลา บ้านสะปำ บ้านแหลมตุ๊กแก บ้านเกาะสิเหร่และบ้านหาดราไวย์ เพื่อที่จะขอยกเว้นกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประกาศให้พื้นที่ที่ชาวไทยใหม่เคยทำมาหากินมาก่อนเป็นที่ทำมาหากินของชาวไทยใหม่ได้อีก ซึ่งเรื่องนี้คงจะต้องดำเนินการอีกสักระยะหนึ่ง
นางสาวฒุฒิพร ทิพย์วงศ์ ตัวแทนมูลนิธิชุมชนพัฒนาจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาที่ชายไทยใหม่ต้องกู้หนีนอกระบบเนื่องจากไม่สามารถประกอบอาชีพได้ทำประมงได้ จากการที่มีการประกาศแหล่งประกอบอาชีพของชาวไทยใหม่เป็นเขตอุทยาน หรือเขตห้ามจับปลา ทำให้ชาวไทยใหม่ไม่มีอาชีพ จำเป็นที่จะต้องกู้หนี้นอกระบบ
โดยในหนึ่งรายนั้นจะกู้หนี้จากนายทุน 8-10 ราย เพื่อนำเงินดังกล่าวมาซื้ออาหารประจำวัน ซ้อมเรือ ให้ลูกไปโรงเรียน และที่พบทุกราย คือ ต้องนำเงินมาชำระค่าไฟฟ้าที่สูงกว่าปกติมาก หลังจากที่สามารถแก้ปัญหาการข่มระบบ 272 ได้แล้ว ได้มีการเข้าไปดำเนินการให้ชาวไทยใหม่ตั้งเป็นกลุ่มออมทรัพย์รายวันขึ้นมาวันละ 5 บาท เพื่อที่จะนำเงินที่ออมได้ไปชำระหนี้ให้กับนายทุน และได้ขอให้ทาง อบต.และเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเจรจากับเจ้าหนี้ให้การยกเลิกดอกเบี้ยให้คิดเฉพาะเงินต้นเท่านั้น ซึ่งจุดนี้คิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของชาวไทยใหม่ได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในการของกู้เงินจาก พอช.นั้นได้ขอไป 1 ล้านบาท ขณะนี้ได้มาแล้ว 500,000 บาท เหลืออีก 500,000 บาทก็จะนำไปให้ชาวไทยใหม่กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อปลดหนี้ต่อไป รวมทั้งได้เข้าไปส่งเสริมอาชีพให้กับกลุ่มชาวไทยใหม่ ซึ่งจากการหารือจะมีการทำดอกไม้จันทน์ พวงหรีด น้ำพริก และเครื่องแกง เป็นต้น
ขณะที่ นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาที่ดินที่ชาวไทยใหม่อาศัยอยู่นั้น เป็นที่ดินของเอกชน ซึ่งตนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือกับเจ้าของที่ดินอีกครั้งหนึ่งว่าจะขายให้กับทางเทศบาลราไวย์ในราคาที่ไม่สูงมากนัก เพื่อจัดสรรให้กับชาวไทยใหม่ ซึ่งเท่าที่ทราบที่ดินดังกล่าวมีเจ้าของทั้งหมด 4 ราย เพราะหากจะใช้วิธีการพิสูจน์เอกสารสิทธิคิดว่าคงจะอีกนานถึงจะแก้ปัญหาได้
ส่วนน้ำประปานั้นไม่มีปัญหา เพราะเจ้าของที่ดินยินยอมให้นำเข้าไปได้ แต่กรณีของไฟฟ้าไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะอยู่ในขั้นตอนของการฟ้องร้องไม่สามารถที่จะนำไฟฟ้าเข้าไปได้ ซึ่งเรื่องนี้ตนรับที่ไปหารือกับการไฟฟ้าและเจ้าของที่ดินเช่นกัน เพราะที่ดินที่อยู่กันในขณะนี้มีทั้งที่มีสัญญาเช่า และบุกรุกอยู่เฉยๆ
“อยากจะฝากพี่น้องชาวไทยใหม่ที่หาดราไวย์ทุกคนว่า ขอให้เลิกเล่นการพนัน เลิกเล่นหวยใต้ดิน แล้วหันมาทำมาหากินรับรองว่าจะไม่มีหนี้สิ้นอย่างแน่นอน” ผู้ว่าฯภูเก็ต กล่าวและว่า
ในเรื่องของศูนย์วัฒนธรรมชาวไทยใหม่ทั้ง 5 แห่งที่ภูเก็ตนั้น งบประมาณจำนวน 10 ล้านบาท ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาแล้ว แต่ยังมีปัญหาเรื่องที่ดินที่จะก่อสร้าง