อุตฯ สงขลาจัดมหกรรมแสดงสินค้าและนวัตกรรมยางพาราดึงภาคใต้ส่งออกระดับนานาชาติ

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 ร่วมกับจังหวัดสงขลา จัดมหกรรมแสดงสินค้าและนวัตกรรมยางพาราครั้งที่ 1 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและนำผู้ประกอบการยางพาราก้าวสู่ความเป็นผู้ส่งออกระดับนานาชาติ

วันนี้ (6 ส.ค.) ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 ร่วมกับจังหวัดสงขลาสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา และสมาคมยางพาราไทย จัดงานมหกรรมแสดงสินค้าและนวัตกรรมยางพาราครั้งที่ 1 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยมีนายสุรศิษฎ์ บุญญาภิสันท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงาน ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 สิงหาคมนี้ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ระหว่างผู้ประกอบการยางพาราระดับจังหวัดและภูมิภาคได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยางพาราในการเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพาราในจังหวัดสงขลา

นายสุรศิษฎ์ บุญญาภิสันท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดสงขลามีพื้นที่ปลูกยางกว่า 2 ล้านไร่ อุตสาหกรรมยางพาราจึงเป็นอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลา โดยเป็นที่ตั้งของสถานประกอบการในอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราจำนวนมาก ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลกและประเทศ ได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ด้านต่างๆ ประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจจนถึงขั้นต้องเลิกกิจการไปบ้าง เลิกจ้างไปบ้างเพื่อเป็นการลดปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น

และรัฐบาลตระหนักถึงปัญหาของผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME จึงได้ออกมาตรการต่างๆ หลายประการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 5 ด้าน ได้แก่ 1.มาตรการประกันราคาพืชผล 5 ชนิด อันได้แก่ ข้าวเปลือกนาปี มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นำมันปาล์มดิบและยางพารา 2.มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 โดยตั้งเป้าหมายการเบิกจ่ายไว้ที่ร้อยละ 94 ของกรอบวงเงินงบประมาณ

3.มาตรการงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมกลางปี จำนวน 1.167 แสนล้านบาท 4.มาตรการช่วยเหลือทางภาษี เพื่อเชื่อเหลือ SME และวิสาหกิจชุมชน และเพื่อช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์การท่องเที่ยวและการสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. - 3 ธ.ค. 2552 และ 5.มาตรการสุดท้าย ได้แก่ มาตรการสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ

รัฐบาลในระหว่างการพิจารณากำหนดมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะที่สองภายใต้ แผนไทยเข้มแข็ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศระยะยาว โดยมีแผนที่จะลงทุนประมาณ 1.43 ล้านล้านบาท ในช่วง 3 ปี ข้างหน้า

จากมาตรการต่างๆ ข้างต้น คาดว่าเศรษฐกิจภาคใต้จะได้รับประโยชน์จากโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ทั้งภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม ภาคการก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่าลผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะที่ 1 และที่ 2 นั้น จะช่วยให้การหดตัวของเศรษฐกิจไทยไม่เลวร้ายจนเกินไป และกิจกรรมครั้งนี้นับเป็นการก้าวสู่ความเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งในการส่งออกระดับนานาชาติ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าว

ส่วนกิจกรรมหลักๆ ในระหว่างวันที่ 6-8 สิงหาคมนี้ คือ มีการจัดสัมมนาทางวิชาการ ซึ่งมีผู้ประกอบการเข้าร่วมวันละกว่า 200 คน และการเจรจาธุรกิจอีกกว่า 40 ราย รวมถึงการแสดงสินค้าและนวัตกรรมยางพารา จำนวน 90 คูหา จากหน่วยงานต่างๆ อาทิ ผลงานวิจัยจากโครงการพระราชดำริในจังหวัดสงขลา โครงการเศรษฐกิจพอเพียงของกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางเป็นต้น