“พล.อ.สนธิ” เผยกรณี"นช.แม้ว"ยังออกมาเคลื่อนไหว อยากให้ประชาชนตัดสินเอง พร้อมระบุยังไม่ตัดสินใจเข้าร่วมพรรคการเมืองใดในขณะนี้
วันนี้(25ก.ค.)พลเอกสนธิ บุญรัตกลิน อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ จ.ภูเก็ต กรณีที่มีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) จะจัดงานแซยิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยคดีทุจริตที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ในวันที่ 26 ก.ค.52 ว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้ และคงไม่มีอะไรขัดข้อง เพราะเป็นเรื่องของความศรัทธาของแต่ละคน ส่วนการพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณที่ผ่านมาก็ไม่เคยเจอกัน ซึ่งหากเจอกันจริงก็มาบอกให้ทราบแล้ว ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกมาเคลื่อนไหวนั้น อยากให้สื่อพิจารณากันเองว่ามีผลอย่างไร และประชาชนก็รู้อยู่แล้วว่าใช่หรือไม่ใช่อย่างไร ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
พลเอกสนธิยังได้กล่าวต่อไปถึงการเข้าร่วมพรรคการเมือง ว่า ด้านความสนใจทางเมืองตนก็เหมือนกับคนไทยทั่วไปที่มีความสนใจติดตาม ส่วนการเข้าร่วมกับพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่งนั้นก็ว่ากันในอนาคตข้างหน้าซึ่ง ณ ปัจจุบันยังไม่มีอะไรชัดเจน เช่นเดียวกับกระแสข่าวที่ว่าตนจะไปสังกัดพรรคเพื่อไทยเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไรไม่ต้องตอบ
ส่วนเรื่องปัญหาความขัดแย้งที่ยังคงมีอยู่นั้นตนคิดว่าคนที่มีอำนาจในการบริหารจะต้องหาหนทางทำอย่างไรให้ปัญหาความขัดแย้งหมดไป ซึ่งเคยเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นดังกล่าวโดยใช้เรื่องความมีธรรมะและความรักชาติเข้ามาช่วย มิเช่นนั้นแล้วก็จะทำให้เกิดปัญหาไม่จบ และที่สำคัญจะต้องหาคนที่เป็นตัวกลางที่จะมาแก้ปัญหาให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงมุมมองเกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาลในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องมองเป็นจุดๆ บางส่วนก็มีความสำเร็จเป็นที่น่าชื่นชม แต่บางส่วนก็ต้องใช้เวลา ซึ่งเป็นปกติของการบริหารประเทศ ส่วนของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้นเนื่องจากเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วโลก ฉะนั้นก็จะต้องค่อยๆ เป็นค่อยไป โดยเฉพาะเมื่อเกิดผลกระทบในเรื่องของการเงินก็จะกระเทือนกันไปทั้งหมด ซึ่งการแก้ปัญหาเรื่องของเศรษฐกิจจะต้องใช้เวลา และคิดว่านักเศรษฐกิจเขารู้วิธีการแก้อยู่แล้ว ส่วนในภาคประชาชนนั้นก็ต้องพยายามและควรที่จะนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เพื่อความอยู่รอดในขณะ ส่วนภาพใหญ่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะสามารถช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้หรือไม่ ซึ่ง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ขอพูดในหลักการว่ากฎหมายมีไว้เพื่อให้คนปฎิบัติตาม ดังนั้นการเปลี่ยนไปมาของกฎหมายนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ฉะนั้นรัฐธรรมนูญจะแก้ไขหรือไม่อย่างไรขึ้นอยู่กับว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วถึงเวลาที่จะแก้ไขแล้วหรือยัง ซึ่งคงตอบไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับคนที่เขามีอำนาจ ส่วนว่าเมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วความสามัคคีของคนในชาติจะกลับคืนมาหรือไม่นั้นก็คงไม่สามารถที่จะตอบแทนได้เช่นกัน
พล.อ.สนธิ ยังได้ตอบคำถามถึงคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ที่ขณะนี้ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ ว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องของตำรวจ ส่วนกรณีกระแสข่าวการปลด ผบ.ตร.นั้นตนไม่ข้อมูลในเรื่องคดีความซึ่งคงตอบไม่ได้ และเป็นหน้าที่ของตำรวจ