นครศรีธรรมราช – ตำรวจถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช ตั้งด่านตรวจรวบผู้ต้องหาอ้างเป็นนักข่าว พร้อมลูกน้องรวม 3 คน ตรวจค้นในรถพบยาบ้า อาวุธปืน และของกลางอีกหลายรายการ หัวหน้าแก๊งขู่จะสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ทั้งโรงพัก
วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่สถานีตำรวจภูธรถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.ปรีชาญ เต็งรัง รอง ผกก.ปป.สภ.ถ้ำพรรณรา และ พ.ต.ต.เฉลิม เสือจร สวป.ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว 3 ผู้ต้องหาซึ่งอ้างว่าเป็นนักข่าวสังกัดหนังสือพิมพ์เบาะแส หลังจากถูกจับกุมในข้อหาค้ายาบ้า หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านตรวจที่ถนนเอเชียหน้าตลาดถ้ำทอง ม.3 ต.ถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช
โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คน คือ นายประสิทธิ์ หรือเสริฐ ชูแก้ว อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 ม.6 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล, นายพยงศักดิ์ ไพรสน อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 ม.3 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ น.ส.กุไรฝ๊ะ เบ็ญอาหลี อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 ม.2 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ของกลางยาบ้าจำนวน 30 เม็ด อาวุธปืน 2 กระบอก กระสุนปืน 36 นัด รถยนต์ 3 คัน เงินสด 113,120 บาท โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง บัตรวีซ่า 3 ใบ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนติดตัวเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควร
พ.ต.ท.ปรีชาญ เต็งรัง รอง ผกก.ปป.ถ้ำพรรณรา นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ได้มีการตั้งด่านตรวจตามนโยบายการปราบปรามอาชญากรรมของตำรวจถ้ำพรรณรา ขณะตั้งด่านก็ได้รับรายงานเข้ามาว่า มีรถยนต์มียาเสพติดเดินทางมาจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มุ่งหน้าไปยัง จ.สุราษฎร์ธานี ผ่านเส้นทาง อ.ถ้ำพรรณรา นครศรีธรรมราช หลังจากรับทราบเบาะแสจึงได้มีการตรวจเข้มรถยนต์ที่ผ่านมาอย่างละเอียด
ปรากฏว่า ขณะที่ตำรวจกำลังตรวจค้นอยู่นั้นได้มีรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าแอ็คคอร์ด สีดำ ทะเบียน กค 7984 ตรัง แล่นผ่านมา ซึ่งรถคันดังกล่าวมีการติดสัญญาติไฟบนหลังคาคล้ายกับรถตำรวจ และยังปิดสติกเกอร์ที่รถว่า “ทีมข่าวเฉพาะกิจ” และข้างรถมีสติกเกอร์เขียนว่า “ข่าวเบาะแส” ภายในรถมาด้วยกัน 3 คน เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้จอด และเมื่อจอดนายประสิทธิ์ ซึ่งเป็นคนขับได้ชักนามบัตรให้เจ้าหน้าที่ดู บอกว่าเป็นนักข่าว
แต่จากพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้ง 3 นั้นแสดงท่าทางมีพิรุธหลายอย่าง พยายามขัดขืนและพูดจาข่มขู่เจ้าหน้าที่ แต่ตำรวจไม่สนใจ จากนั้นจึงขอตรวจค้นภายในรถ ปรากฏว่าพบอายุปืน 2 กระบอก กระสุนจำนวนมาก และยังค้นพบยาบ้ารวม 32 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายตั้งอยู่ที่เบาะหลังรถ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดของกลางและจับกุมตัวทั้ง 3 มาสอบสวนและตั้งข้อกล่าวหา ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การรับภาพตลอดข้อกล่าวหา
พ.ต.ท.ปรีชาญ กล่าวต่อไปว่า ขณะจับกุมนายประสิทธิ์ ซึ่งอ้างตัวว่า เป็นนักข่าวพยายามที่จะขัดขืน และพูดจาในลักษณะข่มขู่เจ้าหน้าที่ว่าจะสั่งย้ายตำรวจทั้งโรงพักบ้าง จะส่งให้ไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนบ้าง ข่มขู่สารพัด แต่ตำรวจไม่สนใจ โดยเฉพาะนายประสิทธิ์ นั้นทราบว่ายังมีหมายจับของ สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา คดียาเสพติด เมื่อปี 2550 ด้วย ซึ่งไม่ทราบว่าทางตำรวจบางกล่ำดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ซึ่งจะประสานงานไปอีกครั้ง
นอกจากนั้น ตำรวจยังทราบว่านายประสิทธิ์ นักข่าวเบาะแสรายนี้ยังตั้งสำนักงานข่าวอยู่ที่เขต อ.ทุ่งใหญ่ นครศรีธรรมราช มีพฤติกรรมค้ายาบ้ามานานแล้ว และตำรวจได้เฝ้าติดตามมาตลอด ซึ่งได้เคยตรวจค้นมาแล้วครั้งหนึ่งพบเพียงซองใส่ยาเสพติด แต่ไม่พบยาเสพติดอื่นๆ จึงรอดไปได้อย่างหวุดหวิด เชื่อว่าการทำข่าวนั้นทำเพื่อบังหน้าให้ตำรวจเกรงเพื่อความสะดวกในการค้ายาบ้า กระทั่งมาจับกุมตัวได้ในที่สุด
ส่วนรถยนต์อีก 2 คัน คือ รถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กฉ 5382 นครศรีธรรมราช ที่มีการปิดสติกเกอร์ข่าวต่างๆ และรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิสีดำ ทะเบียน บท5440 ตรัง รวมทั้งของกลางอื่นรวม 13 รายการ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดไว้ตรวจสอบ เพราะอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหา และเชื่อว่า อาจจะได้มาจากการกระทำผิด หรือได้มาจากการค้ายาบ้าก็เป็นได้ พ.ต.ท.ปรีชาญ กล่าว
วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่สถานีตำรวจภูธรถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.ปรีชาญ เต็งรัง รอง ผกก.ปป.สภ.ถ้ำพรรณรา และ พ.ต.ต.เฉลิม เสือจร สวป.ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว 3 ผู้ต้องหาซึ่งอ้างว่าเป็นนักข่าวสังกัดหนังสือพิมพ์เบาะแส หลังจากถูกจับกุมในข้อหาค้ายาบ้า หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านตรวจที่ถนนเอเชียหน้าตลาดถ้ำทอง ม.3 ต.ถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช
โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คน คือ นายประสิทธิ์ หรือเสริฐ ชูแก้ว อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 ม.6 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล, นายพยงศักดิ์ ไพรสน อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 ม.3 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ น.ส.กุไรฝ๊ะ เบ็ญอาหลี อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 ม.2 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ของกลางยาบ้าจำนวน 30 เม็ด อาวุธปืน 2 กระบอก กระสุนปืน 36 นัด รถยนต์ 3 คัน เงินสด 113,120 บาท โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง บัตรวีซ่า 3 ใบ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนติดตัวเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควร
พ.ต.ท.ปรีชาญ เต็งรัง รอง ผกก.ปป.ถ้ำพรรณรา นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ได้มีการตั้งด่านตรวจตามนโยบายการปราบปรามอาชญากรรมของตำรวจถ้ำพรรณรา ขณะตั้งด่านก็ได้รับรายงานเข้ามาว่า มีรถยนต์มียาเสพติดเดินทางมาจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มุ่งหน้าไปยัง จ.สุราษฎร์ธานี ผ่านเส้นทาง อ.ถ้ำพรรณรา นครศรีธรรมราช หลังจากรับทราบเบาะแสจึงได้มีการตรวจเข้มรถยนต์ที่ผ่านมาอย่างละเอียด
ปรากฏว่า ขณะที่ตำรวจกำลังตรวจค้นอยู่นั้นได้มีรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าแอ็คคอร์ด สีดำ ทะเบียน กค 7984 ตรัง แล่นผ่านมา ซึ่งรถคันดังกล่าวมีการติดสัญญาติไฟบนหลังคาคล้ายกับรถตำรวจ และยังปิดสติกเกอร์ที่รถว่า “ทีมข่าวเฉพาะกิจ” และข้างรถมีสติกเกอร์เขียนว่า “ข่าวเบาะแส” ภายในรถมาด้วยกัน 3 คน เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้จอด และเมื่อจอดนายประสิทธิ์ ซึ่งเป็นคนขับได้ชักนามบัตรให้เจ้าหน้าที่ดู บอกว่าเป็นนักข่าว
แต่จากพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้ง 3 นั้นแสดงท่าทางมีพิรุธหลายอย่าง พยายามขัดขืนและพูดจาข่มขู่เจ้าหน้าที่ แต่ตำรวจไม่สนใจ จากนั้นจึงขอตรวจค้นภายในรถ ปรากฏว่าพบอายุปืน 2 กระบอก กระสุนจำนวนมาก และยังค้นพบยาบ้ารวม 32 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายตั้งอยู่ที่เบาะหลังรถ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดของกลางและจับกุมตัวทั้ง 3 มาสอบสวนและตั้งข้อกล่าวหา ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การรับภาพตลอดข้อกล่าวหา
พ.ต.ท.ปรีชาญ กล่าวต่อไปว่า ขณะจับกุมนายประสิทธิ์ ซึ่งอ้างตัวว่า เป็นนักข่าวพยายามที่จะขัดขืน และพูดจาในลักษณะข่มขู่เจ้าหน้าที่ว่าจะสั่งย้ายตำรวจทั้งโรงพักบ้าง จะส่งให้ไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนบ้าง ข่มขู่สารพัด แต่ตำรวจไม่สนใจ โดยเฉพาะนายประสิทธิ์ นั้นทราบว่ายังมีหมายจับของ สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา คดียาเสพติด เมื่อปี 2550 ด้วย ซึ่งไม่ทราบว่าทางตำรวจบางกล่ำดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ซึ่งจะประสานงานไปอีกครั้ง
นอกจากนั้น ตำรวจยังทราบว่านายประสิทธิ์ นักข่าวเบาะแสรายนี้ยังตั้งสำนักงานข่าวอยู่ที่เขต อ.ทุ่งใหญ่ นครศรีธรรมราช มีพฤติกรรมค้ายาบ้ามานานแล้ว และตำรวจได้เฝ้าติดตามมาตลอด ซึ่งได้เคยตรวจค้นมาแล้วครั้งหนึ่งพบเพียงซองใส่ยาเสพติด แต่ไม่พบยาเสพติดอื่นๆ จึงรอดไปได้อย่างหวุดหวิด เชื่อว่าการทำข่าวนั้นทำเพื่อบังหน้าให้ตำรวจเกรงเพื่อความสะดวกในการค้ายาบ้า กระทั่งมาจับกุมตัวได้ในที่สุด
ส่วนรถยนต์อีก 2 คัน คือ รถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กฉ 5382 นครศรีธรรมราช ที่มีการปิดสติกเกอร์ข่าวต่างๆ และรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิสีดำ ทะเบียน บท5440 ตรัง รวมทั้งของกลางอื่นรวม 13 รายการ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดไว้ตรวจสอบ เพราะอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหา และเชื่อว่า อาจจะได้มาจากการกระทำผิด หรือได้มาจากการค้ายาบ้าก็เป็นได้ พ.ต.ท.ปรีชาญ กล่าว